ลุงของลูกเสือชาวบ้าน
เพจเชียร์ลุง อ้างว่ามีคนมาร่วมหมื่นสามพันคน ใกล้เคียงกับ “วิ่งไล่ลุง” ประกาศตัวเลข 13,340 คน
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
เพจเชียร์ลุง อ้างว่ามีคนมาร่วมหมื่นสามพันคน ใกล้เคียงกับ “วิ่งไล่ลุง” ประกาศตัวเลข 13,340 คน
ครั้นจะเบรกว่า ดูภาพข่าวทุกสำนักแล้วน้อยกว่าครึ่งต่อครึ่ง เดี๋ยวก็หาว่าอคติ เอาอย่างนี้แล้วกัน “วิ่งไล่ลุง” ทราบจำนวนชัดเจน เพราะมีการลงทะเบียน เสียสตางค์คนละ 600 บาท ไม่ใช่แจกเสื้อฟรีหมวกฟรีเหมือน “เดินเชียร์ลุง”
ซึ่งพอมีคนถามว่า เอาเงินมาจากไหนคะ แอดมินเพจก็ตอบว่า “ไม่เสือกนะคะลูก” “ไม่ใช่เงินโคตรพ่อโคตรแม่ใครแล้วกัน” “ทำไมต้องเสือกอยากรู้ไปหมดมันทำให้เธอรวยขึ้นหรือบ้านไฟไหม้ปะ”
คนวิ่งไล่ลุง ยอมจ่ายเงินวิ่ง ทั้งฟันฝ่าอุปสรรค เช่นในต่างจังหวัดถูกห้าม ถูกคุกคามหลากรูปแบบ ที่อุบล ที่พะเยา ถูกห้ามใส่เสื้อ “วิ่งไล่ลุง” ที่นครพนมจะออกหมายเรียกตามหลัง ฯลฯ เงื่อนไขเหล่านี้ ทำให้เอาจำนวนมาเทียบกันไม่ได้ ต่อให้ฝ่ายเดินเชียร์มีมากกว่า
ไม่อยากเทียบอายุ เดี๋ยวจะว่าดูถูกคนแก่ แต่เทียบม็อบ กปปส.ก็แล้วกัน ที่บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เคยบอกว่าเป็นม็อบคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี คนดีเด่นดังคับคั่ง วันนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด ทั้งพวกหมอ พยาบาล นักวิชาการ ศิลปิน NGO ผู้มีชื่อเสียงวงการต่าง ๆ เห็นแต่หมอเหรียญทอง ผู้กองปูเค็ม อุ๊ แวนโก๊ะ ขึ้นมาเป็นผู้นำ
กระทั่งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่เคยจัดรถบัสมาเป่านกหวีด วันนี้สั่งห้ามนักศึกษาวิ่งไล่ลุง ก็ไม่ยักออกมาเดินเชียร์
ม็อบเชียร์ลุงซึ่งทำกิจกรรมเตะส้ม สตรอว์เบอร์รี แตงโม ก็เลยเหมือนลูกเสือชาวบ้านในอดีต มากกว่าม็อบพันธมิตรหรือกระทั่งม็อบนกหวีด
พูดอย่างนี้คงไม่หาว่าดูหมิ่นดูแคลน เพราะลูกเสือชาวบ้านเป็นต้นแบบ ของการกำจัดพวกชังชาติ
บางคนอาจบอกไม่เห็นแปลกตรงไหน ประยุทธ์เป็นนายกฯ อยู่แล้ว สบาย ๆ ทำอย่างไรม็อบอีกฝ่ายก็ไล่ไม่ได้ คนเชียร์ส่วนใหญ่เลยไม่ออกมา
ก็อาจมีส่วนจริง แต่อย่าลืมว่า ผลงานรัฐบาลไม่น่าประทับใจ ภาพลักษณ์ค่อนไปทางลบเสียมากกว่า คนที่เคยไล่แม้วปูไปขาย DNA Nudge โดยชูคนดีไล่นักการเมืองโกงนักการเมืองห่วย ถึงวันนี้ย่อมกระอักกระอ่วนที่จะออกมา
พูดอีกอย่างว่า ถ้าเราย้อนดูการเมืองในฝันของคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ถึงวันนี้ รัฐบาลตู่ 2 ก็ต่ำเตี้ยติดดิน แค่ไม่ใช่ทักษิณเท่านั้นเอง
คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมีอยากได้ “คนดีคนเก่ง” ที่ไม่ต้องมาจากเลือกตั้ง นายกฯ คนกลาง นายกฯ คนนอก รัฐมนตรีเทคโนแครต ฯลฯ แล้ววันนี้เป็นอย่างไร ที่เคยหวนหาเตมีย์ใบ้ ผู้ดีรัตนโกสินทร์ กลับได้ผู้นำอารมณ์ร้าย ปากมาก พูดไม่คิด ผสมพันธุ์นักการเมืองสีเทา
การเมืองศีลธรรม การเมืองคนดี ที่เคยเป็นความฝันของคนชั้นกลางในเมือง พังพินาศไปแล้ว เครือข่ายอนุรักษนิยมไม่สามารถอ้างความดี ไม่เหลือความดีให้อ้าง ในการยึดครองและสืบทอดอำนาจ จนต้องเอาชนะด้วยการเขียน “กติโกง” เอาเปรียบ ด้วยแต่งตั้งพวกพ้อง ลูกน้องสอพลอ ด้วยการกวาดต้อนนักการเมืองยี้ ด้วยการให้ร้ายป้ายสี และใช้ lawfare ทำลายความหวังของคนรุ่นใหม่ ด้วยองค์กรอิสระที่ตั้งกันเอง
“การเมืองในอุดมคติ” ของอนุรักษนิยม ที่ปลูกฝังกันมา 40 ปี วันนี้พังย่อยยับหมดแล้ว เหลือแต่การปลุกความเกลียดชัง ปลุกความกลัวว่าการเมืองในทัศนคติใหม่ จะมาทำลายความคิดความเชื่อ ค่านิยมที่ยึดติด แบบลูกเสือชาวบ้าน
ซึ่งยุคสมัยปัจจุบันเหลือคนคล้อยตามไม่มากนัก เพียงแต่อำนาจหนุนหลังใหญ่โต