คงจะเอากันเสียให้ได้
กำหนดการประหารหรือกำหนดการชี้ชะตาพรรคอนาคตใหม่ในระยะอันใกล้นี้ก็คือ 21 ม.ค.ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีแปลกประหลาด ที่มีผู้ร้องว่าโลโก้หรือเครื่องหมายพรรคอนาคตใหม่ ไปพ้องกับเครื่องหมายของกลุ่มอิลลูมินาติ (Illuminati) ซึ่งตามพจนานุกรมหมายถึงกลุ่มทางศาสนาหรือลัทธิที่มีความเชื่อว่า กลุ่มตนมีหนทางในการเข้าถึงสัจธรรมได้
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
กำหนดการประหารหรือกำหนดการชี้ชะตาพรรคอนาคตใหม่ในระยะอันใกล้นี้ก็คือ 21 ม.ค.ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีแปลกประหลาด ที่มีผู้ร้องว่าโลโก้หรือเครื่องหมายพรรคอนาคตใหม่ ไปพ้องกับเครื่องหมายของกลุ่มอิลลูมินาติ (Illuminati) ซึ่งตามพจนานุกรมหมายถึงกลุ่มทางศาสนาหรือลัทธิที่มีความเชื่อว่า กลุ่มตนมีหนทางในการเข้าถึงสัจธรรมได้
ไม่รู้จะคล้ายกับแม่มด ที่ขัดต่อความเชื่อทางศาสนาคริสต์จนต้องมีการ “ล่าแม่มด” หรือเปล่า ก็ไม่รู้สิ
ศาลรัฐธรรมนูญท่านบอก มีหลักฐานและประจักษ์พยานพร้อมอยู่แล้ว ไม่จำต้องจัดให้มีการไต่สวนคดี นัดมีคำสั่งหรือวินิจฉัยคดีในวันที่ 21 ม.ค.เสียทีเดียวเลย
ถ้าเชื่อได้ว่า พรรคอนาคตใหม่เลื่อมใสในลัทธิอิลลูมินาติ อันเป็นการล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็คงจะเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยยังมีความเชื่อในเรื่องของการล่าแม่มดหรือผีปอบทางการเมืองกันอยู่อีกหรือ
ไม่มีกฎหมายและไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ มีแต่ความเชื่อล้วน ๆ และก็เชื่อตาม ๆ กันมาจนบ้านเมืองแตกเป็นเสี่ยงทุกวันนี้!
ปฏิทินชี้ชะตาพรรคคนรุ่นใหม่ถัดมาก็คือ คดีกู้ยืมเงินพรรค ที่หัวหน้าพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ให้เงินกู้ยืมพรรคเป็นจำนวน 191 ล้านบาท
ประเด็นแห่งการกล่าวหาหรือกล่าวโทษ ก็คือ เงินนั้นไม่ใช่เป็นเงินกู้ยืม แต่เป็นเงินบริจาค ซึ่งมีที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนประเด็นสู้ของฝ่ายถูกร้อง เป็นเงินกู้ยืม ไม่ใช่เงินบริจาค อันไม่มีบทบัญญัติว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย
ยิ่งสืบก็ยิ่งลึกลับซับซ้อนชวนฉงนว่า เรื่องนี้กกต.มีธงจะเล่นงานพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ เพราะดันมีเอกสารกกต.หลุดออกมาว่าในชั้นอนุกรรมการไต่สวน มีการยกคำร้องมาแล้วถึง 2 ชุด ในคำร้องที่อ้างความผิดตามพ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 66
แต่ในที่สุดกกต.ชุดใหญ่ ไม่ยอมยุติเรื่องตามชั้นอนุฯไต่สวน 2 ชุด หันมาลงมติให้มีความผิดตามพ.ร.ป.ฯมาตรา 72 ให้ถือว่า “เงินกู้ยืม” นั้น เป็น “เงินบริจาค” อธิบายได้ด้วยเหตุผลอันใดก็ไม่แจ้งชัด เพราะเดี๋ยวนี้กกต.ทั้ง 7 คนใช้วิธีแถลงข่าวทางเอกสาร ไม่ใช้วิธีตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้ได้ซักไซ้ไล่เลียงกันแล้ว
โทษตามความผิดมาตรา 66 ตามที่มีผู้ร้องคือนายศรีสุวรรณ จรรยาน่ะ มีโทษเฉพาะผู้ให้การบริจาคเงิน ซึ่งอาจจะมีการตัดสิทธิทางการเมือง แต่ไม่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคและดำเนินคดีอาญา แต่กกต.จัดการเกินเลยกว่าคำร้อง ให้เป็นความผิดซึ่งมีโทษหนักตามมาตรา 72 ซะเลย และส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค
การพิสูจน์ทราบว่าเงินนั้นเป็น “เงินทุจริต” ได้มาโดยมิชอบ เช่นเป็นเงินซ่องบ่อนหรือเงินจากการค้ายาเสพติด เพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิด ก็ไม่ปรากฏว่ากกต.ได้ทำการพิสูจน์ทราบอย่างไร ก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญไปเสียอย่างนั้น
นอกจากนั้น ก็ยังมีการแฉออกมาภายหลังจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ชุดก่อนว่า ไม่ใช่มีแค่พรรคอนาคตใหม่พรรคเดียวหรอก ที่มีกรณีการกู้ยืมเงิน แต่ยังมีพรรคการเมืองอื่นอีก 17 พรรค ในจำนวนนี้ยังมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอยู่ 9พรรค ที่มีกรณีกู้ยืมเงินเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ด้วย
แต่เหตุไฉนพรรคอนาคตใหม่ ถึงได้ถูกกกต.เล่นงานอยู่เพียงพรรคเดียว
กกต.ก็พยายามชี้แจงทันควันอยู่นะ แต่ก็เป็นการแถลงข่าวทางเอกสาร ซึ่งใช้ภาษากฎหมายค่อนข้างจะวกวนมาก และก็ไม่พยายามตอบให้ตรงประเด็น ทางที่ดีควรจะออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้มีการซักถาม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไปเลยจะดีเสียกว่า
กกต.หายหน้าหายตาไปจากสื่อ ตั้งแต่ตอบคำถามคลุมเครือเรื่อง “บัตรเขย่ง” ที่ผลการนับคะแนนออกมาไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ และการปัดเศษให้พรรคเล็กพรรคน้อยได้ที่นั่งส.ส. โดยมีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์จะพึงมีส.ส.ได้นั่นแหละ
แต่ก็ยังคงปฏิบัติงานให้เป็นที่เคลือบแคลงว่า ตั้งธงให้คุณให้โทษแก่พรรคการเมืองใดเป็น 2 มาตรฐานอยู่เป็นประจำ
หลักกฎหมายที่ยึดถือปฏิบัติเป็นคำสอนสืบทอดกันมาทั่วโลกว่า “การใด ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ท่านก็ห้ามแต่งเติมเสริมแต่งให้เป็นความผิด” นั้น ใช้ไม่ได้กับกกต.ชุดนี้ อันมีนายอิทธิพร บุญประคองนั่งเป็นประธานอยู่เลย
กฎหมายจะเอาผิดเฉพาะ “เงินบริจาค” ที่เกินกว่า 10 ล้านบาท และต้องเป็นเงินที่พิสูจน์ได้ว่าเป็น “เงินทุจริต” ที่ได้มาโดยมิชอบ แต่นี่กกต.บิด “เงินกู้ยืม” ให้เป็น “เงินบริจาค” ซะอย่างนั้น
คนให้กู้ยืมคือนายธนาธร ก็แจ้งโดยเปิดเผยโต้ง ๆ อยู่แล้วว่า เป็นเงินส่วนตัวเขา ไม่ใช่เงินซ่องเงินบ่อนหรือเงินค้ายาเสพติดที่ไหน กกต.ก็ละเลยไม่พิสูจน์องค์ประกอบความผิดอันเป็นสาระสำคัญข้อนี้
สงสัยว่ากกต.คณะนี้ จะไม่ได้ผ่านวิชากฎหมายทั่วไป 103 ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์องค์ประกอบความผิดกฎหมายกันมา
ก็คงจะใช้อำนาจรังแกเด็กกันต่อไปล่ะนะ บ้านเมืองนี้อยู่ยากขึ้นไปทุกที ทั้งแร้นแค้นทางเศรษฐกิจและความยุติธรรมทางกฎหมาย หามีไม่