‘เสี่ยเจริญ’ หมดสิทธิ์ซื้อ ‘โลตัส’

*ประเด็นของการลงทุนเที่ยวนี้คงไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกต่อไป เพราะแรงซื้อที่เข้ามาก็เป็นแค่ระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่ช่วยให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างบูรณาการ ขณะที่แรงขายก็ตั้งหน้าตั้งตาสาดหุ้นออกมาไม่ยั้งเช่นกัน “โมนิก้า” เลยไม่มีเหตุผลดื้อรั้นพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (ไม่อยากหลอกตัวเอง) เพราะมันเห็นกันทนโท่ว่า กองทุนตัวแสบยังเดินหน้าลดพอร์ตลงทุนตลอดเวลา ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็โบกมือลาตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นของการลงทุนเที่ยวนี้คงไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกต่อไป เพราะแรงซื้อที่เข้ามาก็เป็นแค่ระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่ช่วยให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างบูรณาการ ขณะที่แรงขายก็ตั้งหน้าตั้งตาสาดหุ้นออกมาไม่ยั้งเช่นกัน “โมนิก้า” เลยไม่มีเหตุผลดื้อรั้นพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (ไม่อยากหลอกตัวเอง) เพราะมันเห็นกันทนโท่ว่า กองทุนตัวแสบยังเดินหน้าลดพอร์ตลงทุนตลอดเวลา ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็โบกมือลาตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนเจ้าค่ะ

*เมื่อสถานการณ์ยังเดินมาในทรงนี้ “โมนิก้า” ก็มั่นใจมากขึ้นเป็นกองว่า ดัชนีก็คงวนเวียนอยู่แถวนี้อีกนาน และการที่ดัชนียืนปิดในระดับ 1,524.59 จุด บวกไป 11.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.42 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีมุมไหนที่ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาเริ่ดสะแมนแตนจริง ๆ แถมเมื่อมองเรื่องส่งออก-นำเข้ายังคงติดลบเหมือนเดิมแบบนี้..เงินจะหมุนไปได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

*โดยเรื่องทั้งหมดที่เกริ่นนำไว้ข้างต้น เป็นเรื่องที่นักเล่นรู้แก่ใจ แต่ศาสดาจอมปลอมกลับบ่ายเบี่ยงที่จะพูดความจริง “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นตลาดหุ้นพยายามฝืนธรรมชาติ และสุดท้ายก็เห็นแมงเม่าเจ็บหนักกันเป็นแถว วันนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศเม้าท์ถึงเรื่องร้อนของคนมีเงินอย่าง “เสี่ยเจริญ” ว่ามีเงินแล้วใช่จะทำได้ทุกอย่าง และอย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ทันนะคุณพี่!

*เรื่องนี้มันเกิดจากกระแสเม้าท์มอยถึงบริษัทในกลุ่มของ “เสี่ยเจริญ” เป็นตัวเต็งที่เทกฯ กิจการ “โลตัส” เพราะมีความพร้อมในแง่ของทุนทรัพย์ที่มั่งคั่งสุด ๆ และการได้จิ๊กซอว์ตัวนี้เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาอย่างเป็นทางการ ก็จะเป็นการเสริมอิทธิพลให้กับกลุ่มนี้มีอำนาจกดขี่ห่วงโซ่ธุรกิจในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ จึงไม่ต้องแปลกใจที่หลายคนยกให้เจ้าสัวรายนี้เป็นตัวเต็งของดีลดังกล่าวพะยะค่ะ

*ถึงกระนั้นพรายกระซิบก็เม้าให้ฟังว่า กระแสข่าวของมูลค่าดีลที่พุ่งทะลุขึ้นไปถึง 3 แสนล้านบาท มันมาจากฝรั่งหัวทองที่ต้องการขายเป็นคนปั่นราคา โดยเชื้อเชิญเจ้าใหญ่ ๆ เข้าไปร่วมประมูลกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของ “ซีพี” กลุ่มของ “เซ็นทรัล” ล้วนเจอเทียบเชิญทั้งนั้น และตรงจุดนี้เองที่ทำให้มีการโก่งราคานอกตลาดกันอัตโนมัติ พร้อมกับเกิดข่าวลือรายนั้น..รายนี้ทุ่มไม่อั้นนะจะบอกให้

*ประเด็นตรงนี้แหละที่ทำให้ “โมนิก้า” พุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าสัวเบียร์ช้างมาเป็นพิเศษ เพราะเขามีห้าง “บิ๊กซี” อยู่ในมือเป็นแต้มต่อเจ้าอื่นหลายช่วงตัว และจากการประเมินคร่าว ๆ ก็มีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตราว ๆ 30% และเมื่อบวกกับในส่วนของ “โลตัส” ที่กินตลาดทั้งระบบราว ๆ 40% เท่ากับทำให้กลุ่มนี้ผูกขาดตลาดอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องน่าสยองมากเหลือเกินในความคิดของอีฉัน!

*เนื่องจากกลุ่มคู่ค้าจะถูกบีบหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะตัวเลือกในการทำมาค้าขายหดลงไปอีก (อยากขายของในห้างของฉัน ก็ต้องทำตามข้อแม้ของฉัน) “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่ร้านโชห่วยเจอเรื่อง “เหล้าพ่วงเบียร์” มันทุกข์ระทมใจขนาดไหน ? ลองไปถามคนรุ่นเก่า ๆ ที่ผ่านประสบการณ์พรรค์นี้ดูสักหน่อย..ก็จะดีไม่ใช่น้อย!

*ที่สำคัญคือ ตอนนี้อาจารย์ที่คร่ำหวอดในแวดวงการตลาดต่างประเมินตรงกันว่า เที่ยวนี้จะเป็นการกินรวบตลาดทั้ง “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” ซึ่งจะทำให้กลุ่มเจ้าสัวกลายเป็นผู้ทรงพลังมากสุดในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต “โมนิก้า” ย่อมไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้กลุ่มนี้รวบอำนาจทางการค้ามากเกินไป และถ้าดูโมเดลต่างประเทศที่เจริญแล้วจะเห็นว่า เขามีคำสั่งห้ามทำเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนะจะบอกให้

*ประเด็นนี้ร้อนถึงคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. ต้องเข้ามาจัดการความแคลงใจที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน และพูดออกไปเลยว่า เจ้าสัวเบียร์ช้างประมูลได้ไหม ? แถมก่อนหน้านี้คณะกรรมการเคยออกมาปราม ถึงยุทธการใช้เงินทุ่มซื้อกิจการอาจก่อให้เกิดการผูกขาดทางธุรกิจ และอาจใช้อำนาจเหนือตลาดเอาเปรียบคู่ค้าแบบนี้ ก็ควรทำเรื่องนี้ให้ชัดกันไปเลยดีไหมคะ

*ข้อมูลข้างต้นทำให้กลุ่มเบียร์สิงห์เกิดอาการหัวใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่เป็นอันนอนกันเลยทีเดียว หลังมีกระแสข่าวลือกระพือออกมาอย่างหนักว่า หากกลุ่มเบียร์ช้างกินรวบสำเร็จตามแผนการที่วางไว้ พวกเขาจะเตะโด่งเบียร์สิงห์ออกไปพ้นห้าง หรืออาจใช้วิธีบอนไซธุรกิจคู่แข่งกันไปเลยก็มีออกมาเหมือนกัน “โมนิก้า” เลยรีบคาบข่าวดังกล่าวมาบอกให้ทุกคนคิดตามว่า จริงเท็จแค่ไหน ? และอยากให้ทุกคนมองสิ่งที่ขีด ๆ เขียน ๆ สร้างประโยชน์กับสังคมขนาดไหน ?

Back to top button