พาราสาวะถี
ยังคงแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีน ที่ล่าสุดมีผู้ป่วยเกือบ 8 พันคน เสียชีวิตแล้ว 170 ราย แต่หากเทียบกับตัวเลขของการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ตัวเลขผู้เสียชีวิตถือว่าน้อยกว่ามาก โดยครั้งนั้นมีคนป่วยกว่า 8 พันคน เสียชีวิตกว่า 800 ราย นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีน้อยกว่า แต่การแพร่ระบาดอาจจะขยายวงกว้างมากกว่า
อรชุน
ยังคงแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีน ที่ล่าสุดมีผู้ป่วยเกือบ 8 พันคน เสียชีวิตแล้ว 170 ราย แต่หากเทียบกับตัวเลขของการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ตัวเลขผู้เสียชีวิตถือว่าน้อยกว่ามาก โดยครั้งนั้นมีคนป่วยกว่า 8 พันคน เสียชีวิตกว่า 800 ราย นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีน้อยกว่า แต่การแพร่ระบาดอาจจะขยายวงกว้างมากกว่า
สาเหตุตามที่ทางการแพทย์ระบุ เมื่อความรุนแรงน้อยและกว่าที่ผู้ป่วยจะรู้ตัวก็มีการนำเชื้อไปแพร่ให้กับผู้อื่นแล้ว ดังนั้น ประเทศไทยที่มีมาตรการเฝ้าระวัง ตรวจคัดกรองกันอย่างเข้มข้น ในแวดวงคุณหมอก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาอยู่หรือไม่ ซึ่งก็เป็นปกติตามแนวทางทางวิชาการที่ต้องมองในมุมลบไว้ก่อนว่า มีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดในประเทศได้ นั่นคือกรณีสถานการณ์เลวร้ายหรือหากโชคดีก็อาจไม่มีการระบาดเลย จะพบแต่ผู้ป่วยที่เป็นคนจีนและคนที่เดินทางมาจากจีนเท่านั้น
งานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วนเพื่อจับมือกันก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ ในทางการเมืองไม่มีคำว่าฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทุกคนที่เสนอแนะต่างเต็มไปด้วยความหวังดี อยู่ที่ผู้นำและคณะจะรับฟังและนำไปปรับใช้ได้มากแค่ไหน ส่วนทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรงนี้ไม่ต้องห่วง ที่ต้องการคือกำลังใจจากคนไทยทุกคน เพราะคนเหล่านั้นต่างทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการทำงานแทบไม่ได้พักผ่อน เพื่อให้คนไทยปลอดภัยจากไวรัสร้ายตัวนี้
ถือเป็นข่าวดีของรัฐบาลหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ไว้พิจารณา โดยนัดให้ผู้ร้องและผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงส่งข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ นั่นหมายความว่า กระบวนการพิจารณาของศาลจะไม่ล่าช้า เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ส่วนบทสรุปที่จะออกมาคงคาดเดากันไม่ได้หรือวิจารณ์กันก็ไม่เหมาะ เกรงว่าจะเข้าข่ายชี้นำ
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจในประเด็นเกี่ยวกับต้นตอของการที่ทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้มีปัญหา ตามที่ วิษณุ เครืองาม ถามผ่านสื่อดัง ๆ คนที่เสียบบัตรแทนกันวันนี้การตรวจสอบของสภาไปถึงไหนแล้ว ใครทำผิดจะปล่อยให้ลอยนวลไม่ได้ ส่วนจะต้องพ้นสถานะส.ส.หรือไม่ผู้ที่อยู่ในข่ายมีอำนาจหน้าที่จะต้องดำเนินการ โดยที่ศรีธนญชัยรอดช่องบอกว่าดีแล้วที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ไปยื่นร้องเรื่องนี้ต่อป.ป.ช.เพื่อที่จะได้หาคนทำผิดมาลงโทษ
ทว่าไม่รู้สิ่งที่เนติบริกรประจำรัฐบาลว่าไว้นั้น มันจะดำเนินการได้เร็วทันใจหรือไม่ เมื่อได้ฟังคำชี้แจงเชิงหลักการของ วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช.ต่อเงื่อนเวลาการตรวจสอบขององค์กรอิสระแห่งนี้ ถ้ายึดตามขั้นตอนอาจล่าช้าไปได้ถึง 3 ปี แต่ก็รีบออกตัวว่าถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วน สำคัญ ประชาชนให้ความสนใจก็อาจใช้เวลา 15 วันหรือ 30 วันได้ คำถามคือแล้วป.ป.ช.ทั้งคณะมองเรื่องนี้ว่าสำคัญหรือไม่ และควรเร่งดำเนินการหรือเปล่า
หลายคนเป็นห่วง ทั้งที่มีเงื่อนเวลาว่านานสุด 3 ปี คดีจีที 200 ที่ต่างประเทศเขาจบกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่องค์กรตรวจทุจริตของประเทศไทยยังมะงุมมะงาหราอยู่ ไม่ต่างจากกับคดีโรงพักร้าง ซึ่งเชื่อได้ว่าเวลาน่าจะเนิ่นนานกว่า 3 ปีแน่นอน แล้วกรณีเสียบบัตรแทนกันหนนี้มันมีผลต่อคะแนนเสียงส.ส.ของรัฐบาลในสภาด้วย ถามว่าจะกล้าทำกันให้เร็วหรือไม่ อย่าปฏิเสธว่าไม่มีใครแทรกแซงหรือชี้นำองค์กรนี้ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ
เงื้อง่าราคาแพงกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ล่าสุด 7 หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเคาะรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรียบร้อย สรุปแล้วแก๊ง 3 ป.พี่ใหญ่ก็ไม่รอดจากที่มีข่าวว่าจะหลุดโผแต่ก็มีชื่อโผล่ในวินาทีสุดท้าย ส่วนรัฐมนตรีรายอื่นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ วิษณุ เครืองาม อุตตม สาวนายน ดอน ปรมัตถ์วินัย และ ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่ที่โผล่มาเซอร์ไพรส์คงเป็นรายของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล คงหนีไม่พ้นปมส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยเสียบบัตรแทนกันเป็นเรื่องหลัก
ส่วนเรื่องของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะเป็นของแถม สำหรับการยื่นญัตตินั้นฝ่ายค้านจะยื่นต่อประธานสภาฯ เที่ยงวันวันนี้ (31 มกราคม) ซึ่งเงื่อนเวลาดังกล่าวน่าสนใจ เพราะสภาจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ขณะที่ฝ่ายค้านคาดหวังว่าจะได้ซักฟอกก่อนการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 2 กำแพงเพชรในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ มันจะเป็นไปได้หรือไม่ หากรัฐบาลใช้เหตุผลเรื่องของสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันเป็นปัจจัยสำคัญ
การที่ฝ่ายค้านจะบอกว่าไม่สนใจ ต้องให้รัฐบาลมาชี้แจงต่อสภาให้ได้ ดูท่าจะได้รับเสียงหนุนจากประชาชนน้อยกว่าการไม่เห็นด้วย เรื่องการดึงเกม ยื้อเวลารัฐบาลนี้ที่มีเนติบริการศรีธนญชัยเป็นผู้นำทางมีความถนัดอยู่แล้ว คราวขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ หนนี้ก็เช่นกัน หากเลือกไปใช้เวลาสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม ก็จะเป็นการบีบฝ่ายค้านไปในตัวในประเด็นเกี่ยวกับจำนวนวันที่จะอภิปราย
แต่นั่นคงไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะไม่ว่าจะอภิปราย 1 วัน 3 วันหรือ 5 วันมันไม่ได้เป็นจุดชี้วัดความสำเร็จของฝ่ายค้าน หากเป้าหมายคือเปิดแผลแสดงให้สังคมเห็นความไม่ชอบมาพากลในการบริหารประเทศ การทุจริตคอร์รัปชั่นที่ทำกันอย่างโจ๋งครึ่มโดยไร้การตรวจสอบ ถ้าตีจุดนี้แตกแค่เวลา 1 วันก็เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ยาก ดังนั้นหากไม่เล่นเกมการเมืองกันจนเกินเหตุปัจจัยเรื่องเวลาในการอภิปรายถ้าฝ่ายรัฐบาลจะใช้วิธีนี้ฝ่ายค้านก็ไม่ควรตีโพยตีพาย