‘เงินหุ้น’ หนุน ‘การเมือง’ ?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” มีเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ มาเม้าท์กับแฟนคลับอย่างสนุกปาก แต่เผอิญเห็นดัชนีรูดทะลุแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,500 จุดลงมาอย่างรวดเร็ว จึงต้องเม้าท์ถึงประเด็นนี้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในเที่ยวนี้มันหมายถึงเสน่ห์ลดลง เดี๊ยนถึงเชื่อว่า น่าจะมีแรงขายอีกล็อตใหญ่ ๆ ทะลักออกมาอย่างแน่นอน แฟนคลับถึงต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกนะจะบอกให้

*เนื่องจากการลงมายืนปิดที่ระดับ 1,496.06 จุด ลบไป 18.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.31 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการตอกย้ำความวิตกกังวลยังแผ่ขยายในวงกว้าง เพราะเมื่อเหลือบดูปัจจัยภายในประเทศที่ง่อนแง่นเหมือนไม้หลักปักขี้ควาย “โมนิก้า” ย่อมเข้าใจหัวอกของพวกนักเล่นสถาบันเป็นธรรมดา จึงไม่อยากตำหนิติเตียนอะไรมากไปกว่าที่เป็นอยู่ เพราะทุกคนกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาทางรอดกันเป็นแถวพะยะค่ะ

*ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่ “โมนิก้า” เคยประเมินคร่าว ๆ น่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันพอสมควร จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวเป็นชาวสวนก่อนเวลาอันควร และถ้ามองเรื่องดังกล่าวให้ชัดขึ้นไปอีกขั้นจะเห็นว่า หุ้นใน SET50 ที่รูดลงหนักวานนี้ กลายเป็นหุ้นที่กองทุนตัวแสบไม่ต้องการเก็บไว้ทำเชื้อ เดี๊ยนฟันธงได้ในทันทีว่า ตลาดหุ้นไทยต้องรับศึกหนัก (เหมือนแมนซิตี้เล่นบอลสวย แต่สุดท้ายก็พ่ายอยู่ดี) เจ้าค่ะ

*เหมือนกับประเด็นร้อนที่เกริ่นนำไว้เมื่อวันก่อนว่า มีกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามดันหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง” หรือ WEH เข้าตลาดหุ้น เพียงแต่เบื้องลึกของเงินที่หมุนไปหมุนมามันมาจากตลาดหุ้นล้วน ๆ ซึ่งไล่เรียงจากในช่วงเจ้าของเรื่องเงินขาดมือ เกิดปิ๊งไอเดียให้ เสี่ย จ. ซึ่งเป็นทั้ง “ผู้ถือหุ้นใหญ่” และ “ผู้บริหาร” สายการบินแห่งหนึ่ง นำหุ้นของสายการบินที่ตัวเองถืออยู่ไปขายให้กับเจ้าสัวที่ทำธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีนะคะ

*ตรงนี้แหละที่ทำให้บรรดาผู้คนพากันงงเต๊กกันยกใหญ่ว่า เกิดอะไรขึ้น ? พร้อมกับมีข่าวร่ำลือในหมู่คนใกล้ชิดออกมาเป็นระยะว่า ดีลดังกล่าวไม่ใช่เป็นการขายขาดเหมือนที่สังคมเข้าใจ! แต่เป็นการนำหุ้นไปตึ๊งไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อนำเงินมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทไปให้กับเด็กเลี้ยงแกะอย่าง “เฮีย ณ.” เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการอุดรอยรั่วเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปทีละเปราะมากกว่า (คุณน้องเล่นโยกหุ้นร้อนไปมา ก็เลยหมุนเงินไม่ทันก็เท่านั้นเอง) นะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้คนในวงการหันมาขุดคุ้ยวีรกรรมของ “เสี่ย จ.” กันอีกครั้ง เพราะสุดท้ายเสี่ยคนดังกล่าวก็ไปซื้อหุ้นคืนกลับมาจากเจ้าสัวร้านค้าปลอดภาษีด้วยวงเงินที่สูงถึง 8 พันล้านบาท และถ้าย้อนกลับไปในอดีตช่วงเอาหุ้นสายการบินเข้าตลาดหุ้นใหม่ ๆ เสี่ยคนดังกล่าวก็ทำรายการบิ๊กล็อตจนเป็นที่เอือมระอา จนบรรดากระจอกข่าวเกิดอาการเซ็งเป็ดกันเป็นแถว ก่อนที่ชื่อของเสี่ยคนนี้จะค่อย ๆ หายไปจากความสนใจของผู้คนเจ้าค่ะ

*จู่ ๆ ก็ดันปรากฏข่าวออกมาในทำนองที่ว่า เสี่ยกลายเป็นนายทุนให้กับนักการเมืองที่เพิ่งจะแยกทางจากพรรคเก่าแก่ พร้อมกับมีการชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงในแวดวงตลาดหุ้นให้ช่วยกันใส่ขันเพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ “โมนิก้า” เลยรู้สึกแปลกใจกับความคิดของเสี่ยคนดังกล่าวเหลือเกินว่า เห็นคนในตลาดหุ้นเป็นอย่างไร ? ถึงกล้าออกตัวแรงแซงทางโค้งแบบไม่กลัวแหกโค้งคว่ำตายกันหรือไง ?

*ขณะเดียวกันก็มีบางกระแสเม้าท์ให้แซ่ดว่า เสี่ย จ. เป็นแค่คนออกหน้าแทนใครบางคน เพราะเป็นคนที่มีต้นทุนต่ำ และไม่มีอะไรจะต้องเสีย จึงกล้าทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อตลอดเวลา และดูเหมือนแผนกระโดดเข้าสู่วงโคจรการเมืองเที่ยวนี้จะไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะมีโอกาสได้ตำแหน่งแห่งหนค่อนข้างสูง หลังเห็นตัวอย่างพรรคเล็กที่สามารถเข้าไปมีบทบาทกับรัฐบาลในหลากหลายมิติน่ะซี

*ประเด็นตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดู “พี่มิ่ง” พรรคเศรษฐกิจใหม่ เพื่อชี้ให้เห็นถึง “อุดมการณ์” กับ “อุดมเงิน” มันเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากจริง ๆ แถมทุกวันนี้ก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า เงินมาผ้าหลุด! ไม่ต้องอารัมภบทอะไรให้เสียเวลาเคาะขวารัว ๆ เดี๊ยนมองเรื่องนั้น เรื่องนี้ ก็เกี่ยวข้องกับเงินตลาดหุ้นทั้งนั้น จึงอยากให้แฟนคลับติดตามดูตอนต่อไปให้ดี ๆ เพราะวันนี้มันมีข่าวแปลกแพลม ๆ ออกมาเยอะมากนะคะ

*สรุปสุดท้ายเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ? แต่ที่รู้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือ น้องโมได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารให้ทุกภาคส่วนที่ถูกแมงลือพาดพิง ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวที่สังคมชาวหุ้นเขาเม้าท์แหลกมันเป็นแบบนี้นะตัวเอง!