พาราสาวะถี
วันนี้ บ่ายโมงครึ่งได้รู้กันศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ออกมารูปแบบใดจากปมส.ส.เสียบบัตรแทนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ก็ทำให้รัฐบาลโล่งอกได้ในระดับหนึ่ง เพราะจากที่คิดว่าจะนานต้องรอเป็นเวลา 2-3 เดือน กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ที่เหลือหากร่างฉบับนี้เป็นโมฆะ ก็เสนอร่างใหม่แต่เนื้อหาสาระเหมือนเดิม ส่วนกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ถ้าไม่เล่นเกมการเมืองกันจนเกินไปใช้เวลาวันเดียวหรือสองสามวันก็เรียบร้อย
อรชุน
วันนี้ บ่ายโมงครึ่งได้รู้กันศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ออกมารูปแบบใดจากปมส.ส.เสียบบัตรแทนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ก็ทำให้รัฐบาลโล่งอกได้ในระดับหนึ่ง เพราะจากที่คิดว่าจะนานต้องรอเป็นเวลา 2-3 เดือน กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ที่เหลือหากร่างฉบับนี้เป็นโมฆะ ก็เสนอร่างใหม่แต่เนื้อหาสาระเหมือนเดิม ส่วนกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ถ้าไม่เล่นเกมการเมืองกันจนเกินไปใช้เวลาวันเดียวหรือสองสามวันก็เรียบร้อย
ส่วนความรับผิดชอบของส.ส.ที่ทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีปัญหา ทำท่าว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น ดูจากการดึงจังหวะ ซื้อเวลากระบวนการตรวจสอบกันแล้ว คงกะปล่อยให้ลืม ๆ กันไป อยู่ที่ว่าจอมหลักการอย่าง ชวน หลีกภัย จะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหาย คนทำผิดลอยนวลอย่างนั้นหรือ หากยึดถือหลักการที่ว่าความรับผิดชอบทางการเมืองต้องอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย กรณีนี้จะเป็นบทพิสูจน์ ส่วนการกลัวเสียงส.ส.หายไปจะทำให้รัฐบาลมีปัญหา ก็ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างที่ประชาชนยอมรับได้
เสร็จเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณศุกร์นี้แล้ว นับไปอีกสองสัปดาห์ชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในคดียุบพรรคจากการกู้เงิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 191 ล้านบาท ที่ศาลนัดวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เวลาบ่ายสามโมง โดยศาลเห็นว่าตามคำร้องของกกต. และคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีพอวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่ให้พยานบุคคลรวม 17 ปากตามที่ผู้ถูกร้องยื่นบัญชีระบุพยาน จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์
เช่นเดียวกับทางเลขาธิการกกต.ที่ต้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสารส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันเดียวกัน งานนี้ ถ้าเป็นไปอย่างที่คาดการณ์กันคือไม่น่าจะรอด ที่ต้องรอลุ้นกันคือสถานะของส.ส.ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร หากไม่มีผลกระทบใด ๆ ก็ต้องไปหาพรรคใหม่สังกัด และเป็นจังหวะที่จะคาบเกี่ยวกับการซักฟอกรัฐบาลด้วย ถ้าพรรคถูกยุบก็ไม่รู้ว่าจะทำให้บรรดาขุนพลฝีปากกล้าของพรรคการเมืองใหม่แห่งนี้เสียขวัญกันหรือไม่
ขณะที่เรื่องวันเวลาในการซักฟอกก็ชัดเจนแล้วว่า 24-26 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่จบต่อ 27 ได้อีกวันแล้วไปลงมติกันในวันสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมคือ 28 กุมภาพันธ์ ส่วนจะลากยาวกันไปได้ถึงขนาดนั้นหรือไม่ อยู่ที่การอภิปรายของฝ่ายค้าน หากทำให้ฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจเสียรังวัด ถูกตีกระหน่ำแล้วกระทบต่อความน่าเชื่อถือ อาจเกิดการตีรวน จนทำให้ต้องปิดอภิปรายตามที่ได้มีการขู่ไปก่อนหน้านี้ก็เป็นไป อย่าคิดว่าไม่น่าจะทำกันขนาดนั้น เพราะอำนาจสืบทอดเป็นพวกอย่างหนาอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่เกมในสภาเท่านั้น พรรคสืบทอดอำนาจยังเดินเกมนอกสภาโดยมอบหมายให้ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ระดมอดีตส.ส.เขี้ยวลากดินพวกกิ้งก่าเปลี่ยนสีทั้งหลาย ตั้งวอร์รูมไว้ตอบโต้ฝ่ายค้านนอกสภา เบื้องต้นถึงขั้นขู่จะลากไส้ฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับปมทุจริต ทำให้ประเทศชาติเสียหาย แหม! พอย้ายคอกแล้ว คนที่เคยเป็นพวกกันมาก่อนกลายเป็นคนเลวขึ้นมาทันที โดยคนที่พูดลืมย้อนกลับไปดูกำพืดตัวเองว่าเป็นอย่างไร ยิ่งพูดมากยิ่งเหมือนเป็นการประจานตัวเองยังไงชอบกล
ไม่ต่างกันพรรคเศรษฐกิจใหม่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่รัฐสภา ปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่รักษาสัญญา ลืมสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน อ้อม ๆ แอ้ม ๆ อ้างมติตลอดเวลา แล้วที่ไปโพนทะนาหาเสียงบอกไว้กับชาวบ้านจะยืนอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย แต่ที่ปันใจไปยกมือโหวตให้อำนาจสืบทอดอยู่เนือง ๆ นั้น มันถูกต้องหรือไม่ อย่าได้อ้างว่าเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า ถ้ามีนักการเมืองที่ทำตัวเป็นพวกเสือหิวเสือโหยขนาดนี้ มันยิ่งกว่าคำว่าล้าหลังเสียอีก
เช่นเดียวกับคำตอบที่บอกว่าให้สื่อไปวิเคราะห์กันเอง เลือกตั้งที่ผ่านมาคะแนนเสียงที่ได้ทำให้มีส.ส.ถึง 6 คน มาจาก มิ่งขวัญ แสงสุรรณ์ หรือไม่ คนทั่วไปเขารู้กันหมด เว้นแต่พวกคางคกขึ้นวอเท่านั้น ที่ตัวเองสมประโยชน์แล้วลืมบุญคุณของคนที่มาช่วยทำให้ตัวเองได้ดิบได้ดี ถ้าไม่มีคนชื่อมิ่งขวัญถามกันง่าย ๆ ป้ายหาเสียง สโลแกนโดนใจต่าง ๆ ที่ทำให้ประชาชนติดตาจนเทคะแนนให้มากขนาดนี้ จะมีปัญญาคิดและทำกันได้หรือไม่
ป่วนกันไม่เลิกสำหรับคณะกรรมาธิการป.ป.ช. ไม่ต้องไปถามว่าเขามีเรื่องทะเลาะอะไรกัน ก็ในเมื่อฝ่ายหนึ่งรับภารกิจมาหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา ขณะที่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานก็ไร้ซึ่งวุฒิภาวะ ตอบโต้กันทุกดอก เอาคืนกันทุกเม็ด แสดงออกทางอารมณ์กันอย่างเต็มที่ ภาพก็อย่างที่เห็น สรุปแล้วคือพอกันทั้งคู่ ถ้าขอความเห็นประชาชนบอกได้เลยว่า พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ไม่ต้องรอให้ใครมาไล่ ไขก๊อกเปิดตูดไปเลย ดูจะสง่างามกว่า
ส่วนส.ส.พรรคสืบทอดอำนาจ 3 ราย ทั้ง ไพบูลย์ นิติตะวัน สิระ เจนจาคะ และ ปารีณา ไกรคุปต์ วันนี้ถือว่าการเข้ามาทำหน้าที่ในกรรมาธิการป.ป.ช.เดินตามเป้าหมายไปเกินกว่าครึ่งทางแล้ว หากเขี่ยเสรีพิศุทธ์พ้นตำแหน่งได้ถือว่าบรรลุเป้าหมาย แต่หากถามความรู้สึกของประชาชน คงมีแต่พวกที่หลับหูหลับตาเชียร์เท่านั้น ถึงจะยกมือหนุนพฤติกรรมที่แสดงออก ขณะที่คนทั่วไปก็จะพากันส่ายหน้าและสังเวชใจที่นักการเมืองไทยทำได้เพียงแค่รับใช้อำนาจที่ไม่ยอมถูกตรวจสอบโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำมันอุบาทว์แค่ไหน
เรียกแขกและจะต้องมีเสียงตอบโต้ดังมาจากทั่วสารทิศแน่นอน กับบทความล่าสุดของ ทักษิณ ชินวัตร ผ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Thai Enquirer เอาแค่บางประโยคที่ว่า การขาดความเชื่อมั่นและความมั่นใจไม่เคยเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีต่อเศรษฐกิจในรูปแบบใด ๆ ในสภาวะที่ดูเหมือนว่า การขาดความเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศไทยและกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีเพียงหยิบมือเดียวเป็นกลุ่มที่หยิบฉวยผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ
คนกลุ่มนี้โชคดีอย่างยิ่งที่ประเทศเรามีรัฐบาลแบบนี้อยู่ในอำนาจ แต่ในความสุขของคนพวกนี้ที่มีเพียงหยิบมือเดียว คือ ความทุกข์ทรมานของคนไทยมากกว่า 65 ล้านคน สิ่งที่ควรจะเป็นและเกิดขึ้น คือ ทุกภาคทุกส่วนของสังคมไทย ไม่ว่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจใด มีความสุขกับนโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพในการบริหารเศรษฐกิจ ถ้ารัฐบาลสามารถทำให้เกิดภาวะเช่นนี้ได้จะทำให้ประเทศเกิดภาวะที่เติบโตและรุ่งเรืองได้ ยกเนื้อหามาเอ่ยถึงแค่เท่านี้ก็จะมีลิ่วล้อของเผด็จการสืบทอดอำนาจออกมาซัดทักษิณยับแน่นอน