พาราสาวะถีอรชุน
ปรับนั้นปรับแน่ ขอแค่ให้รัฐบาลคสช.เดินผ่านการทำงานครบรอบ 1 ปีไปก่อน นี่คือคำพูดของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียวในการจะปรับใครเข้าออกสำหรับครม.คณะรัฐประหาร ส่วนเหตุที่ดึงจังหวะให้ช้าลง คงไม่ใช่ว่ารอคำตอบจากใครต่อใคร แต่น่าจะรอให้โผการโยกย้ายนายทหารประจำปีเรียบร้อยเสียก่อน
ปรับนั้นปรับแน่ ขอแค่ให้รัฐบาลคสช.เดินผ่านการทำงานครบรอบ 1 ปีไปก่อน นี่คือคำพูดของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียวในการจะปรับใครเข้าออกสำหรับครม.คณะรัฐประหาร ส่วนเหตุที่ดึงจังหวะให้ช้าลง คงไม่ใช่ว่ารอคำตอบจากใครต่อใคร แต่น่าจะรอให้โผการโยกย้ายนายทหารประจำปีเรียบร้อยเสียก่อน
ต้องไม่ลืมว่า แคนดิเดตที่คั่วกันอยู่มันจะส่งผลต่อความเป็นเอกภาพของกองทัพ รวมไปถึงเป็นดัชนีชี้วัดแรงกระเพื่อมภายใน หากยังไม่นิ่งนั่นย่อมหมายความว่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย แม้ในวันนี้อำนาจทุกอย่างจะอยู่ที่บิ๊กตู่แต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องไม่ลืมว่าหากผลออกมาไม่เป็นที่พอใจ ยังมีมือที่มองไม่เห็นจะเป็นตัวจักรสำคัญในการปลุกปั่นน้องๆ ในกองทัพให้เกิดอาการไม่ลงรอยกันได้
ด้วยเหตุนี้ทุกอย่างจึงต้องสอดประสานไปด้วยกัน ส่วนการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในรัฐบาลถ้าเป็นครม.ที่มาจากการเลือกตั้งป่านนี้เปลี่ยนกันไปหลายตลบแล้ว แต่รัฐบาลแบบนี้ผู้มีอำนาจคงไม่กล้าจะหักหาญน้ำใจกัน อย่างที่รู้มีทั้งเพื่อนทั้งพี่ ทั้งคนที่มาด้วยความเกรงใจกัน จะเขี่ยกันทิ้งง่ายๆ ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี เพราะความเกรงใจเป็นสมบัติของกลุ่มคนดี
อย่างไรก็ตาม หากฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ คงจะมานั่งเกรงอกเกรงใจกันไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นความเกรงใจที่บวกความกลัวเข้าไปด้วยนั่นก็อีกเรื่อง แต่คนที่ขึ้นขี่หลังเสือที่ถึงขั้นประกาศว่าหากจะลงจากหลังเสือก็ต้องฆ่าเสือทิ้งก่อน คงไม่น่าจะเกิดอาการกลัวอะไรง่ายขนาดนั้น เพราะความจริงอย่างหนึ่งก็คือความกลัวทำให้เสื่อม
สรุปแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด การปรับเปลี่ยนในรัฐบาลก็ต้องเกิดขึ้น หากขืนดื้อต่อไปจะเข้าเนื้อเปลืองตัว สิ่งสำคัญเวลานี้สำหรับคนส่วนใหญ่คือปัญหาปากท้อง ถ้าปากท้องยังอดอยากและทำท่าว่าจะเป็นอย่างนี้อีกยาวนาน ต่อให้เรื่องอื่นๆ ดีอย่างไรก็คงจะมีใครทำใจยอมรับยาก เป็นอันว่าครม.คสช.จะอยู่กันแบบเกรงใจไม่แตะต้องเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
ทั้งนี้บิ๊กตู่คงใจชื้นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง เพราะเวลานี้ได้มีมูลนิธิมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวันวาน ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของนายทหารพระธรรมนูญตามมารยาท ประกาศให้ความร่วมมือและสนับสนุนคสช.อย่างเต็มที่ เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะในขณะที่ห่มผ้าเหลืองปากก็พล่ามให้กำลังใจคณะรัฐประหารตลอดเวลา
ไม่เพียงเท่านั้น ยืนยันเสียงดังฟังชัดมูลนิธิไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์และจะไม่กลับไปเล่นการเมืองอีก ส่วนการปฏิรูปประเทศจะให้เวลารัฐบาลและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงองค์กรแม่น้ำ 5 สายได้ทำงานก่อน แต่หากมีการปฏิรูปใดที่เห็นว่าไม่ตรงตามแนวทางของมูลนิธิ จะขอส่งตัวแทนเดินทางไปแสดงความคิดเห็นอย่างสงบ โดยไม่มีการชุมนุมประท้วงหรือบุกสถานที่ราชการ
พูดได้น่าฟัง แต่มีนัยแอบแฝงไม่น้อย โดยเฉพาะการขอส่งคนเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูป ประหนึ่งว่า ที่มีอำนาจกันอยู่ได้ทุกวันนี้เป็นเพราะบุญคุณที่สุมท่วมหัวจากการประท้วงของม็อบกปปส.นั่นเอง ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะมีการเดินสายชี้แจงกับต่างชาติเรื่องแนวทางการปฏิรูปด้วย โดยมี กษิต ภิรมย์ เป็นผู้นำ แหม!ทุกอย่างเหมือนมีการวางแผนมาอย่างดิบดี แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับผู้มีอำนาจหรือเปล่า
ขณะที่ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานที่ปรึกษานปช.ได้ตั้งข้อสังเกตต่อการเคลื่อนไหวของเทพเทือกอย่างน่าสนใจ ท่วงทำนองของคนกลุ่มนี้ ยังต้องการรวมกลุ่มมวลมหาประชาชนให้เป็นปึกแผ่น ต้องการแสดงบทบาททางการเมืองในฐานะแกนนำมวลมหาประชาชนเดิมภายใต้ชื่อมูลนิธิมวลมหาประชาชน ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์เดิมที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ถ้าเช่นนั้นคงต้องจับตาดูคำถามของสปช.ที่จะพ่วงไปในการทำประชามติให้ดี
นอกจากนั้น ยังต้องการรักษาชัยชนะทางการเมืองในซีกของตน ไม่ว่าในสนามเลือกตั้งหรือในเวทีมวลมหาประชาชน ต้องการชัยชนะหรือนิรโทษกรรมในคดีต่างๆ สุดท้ายคือ ต้องการค้ำยัน ผลักดันรัฐบาลจากรัฐประหารให้อยู่นานและเดินตามทางที่ม็อบกปปส.วางไว้ การแถลงข่าวของสุเทพที่มีขึ้น ทางคสช.จึงมีการปรามบ้างพอเป็นพิธี
เหมือนอย่างที่หลายคนบอกไว้ เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าคสช.ได้ปฏิบัติเท่าเทียมกันสำหรับทุกกลุ่มเพื่อความสงบมั่นคง ทั้งๆ ที่หากเทียบเคียงกันแล้ว การดำเนินการของเทพเทือกและคณาจารย์ที่มีการสัมมนาวิชาการ แตกต่างกันทั้งเป้าหมายและวิธีการอย่างชัดเจน ธิดาจึงตั้งคำถามว่า การแถลงข่าวของสุเทพไม่ใช่การแถลงทางการเมืองตรงไหน เพราะเขาบอกว่าจะทำงานทางการเมืองภาคประชาชนอย่างชัดเจน
ไม่จำเป็นต้องไปถอดรหัสหรือขอคำตอบใดๆ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว สิ่งใดที่เป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนคณะรัฐประหาร ย่อมถือไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อความมั่นคง เหมือนอย่างกรณีนักเรียนอาชีวะศึกษากับกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ได้รับผลแห่งการชุมนุมที่แตกต่างกัน เท่านี้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่ากระบวนการสองมาตรฐานอุปสรรคสำคัญสำหรับถนนสายปรองดองนั้นหมดไปหรือยัง
เช่นเดียวกันกับปมติดหล่มระดับเทียร์ 3 จากการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา มีปุจฉาว่าเราจะใช้อารมณ์ในการตอบโต้หรือใช้สติปัญญาในการชี้แจงและทำความเข้าใจ ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งเจ็บ เพราะรู้กันอยู่ว่าไม่ใช่แค่กรณีความตั้งใจต่อการแก้ไขปัญหาหรือไม่ แต่มันมีมิติว่าด้วยความเป็นประชาธิปไตยเคลือบแฝงด้วย
คนโง่ย่อมปลุกกระแสชาตินิยมมาต่อต้านทั้งสหรัฐฯและอียู แต่คนฉลาดและมีสติย่อมคิดไปไกลกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการคบค้าสมาคมกับประชาคมโลก ไม่ใช่มองกันแค่มุมเดียว สิ่งสำคัญคือ ต้องหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านที่จะร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยว่าสถานการณ์เขาเป็นอย่างไร สำรวจดูตัวเองให้ถ่องแท้ก่อนที่จะคิดแก้ปัญหาแบบโง่ๆ เอาแต่ใจ บ้านเมืองที่มันเป็นอยู่อย่างนี้ก็เพราะการมุ่งเอาแต่ความสะใจ ใช่หรือไม่ผู้มีอำนาจย่อมรู้อยู่แก่ใจ