หุ้นเด่น! รับ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย

เส้นทางนักลงทุน วานนี้ (5 ก.พ. 2563) ทางคณะกรรมการนโยบา …


เส้นทางนักลงทุน

วานนี้ (5 ก.พ. 2563) ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.00% โดยเห็นว่าเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องประสานมาตรการทั้งทางการเงินและการคลัง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม

นอกจากนี้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภาวะภัยแล้ง และความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

สำหรับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ย 0.25% ของ กนง. เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า…

ดังนั้นเมื่อมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นตามคาดการณ์!…เชื่อว่าจะมีกลุ่มหุ้นที่อาจได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างน้อย 4 กลุ่ม อาทิ กลุ่มเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มหุ้นปันผลสูง เป็นต้น

แล้วทั้ง 4 กลุ่มจะได้รับประโยชน์อย่างไร ???

กลุ่มเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง  เนื่องจากบริษัทในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นอัตราคงที่สูง (ยกเว้น IFS) ขณะที่ต้นทุนการกู้ของกลุ่มส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมจากแบงก์พาณิชย์ ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยลดลง ก็จะทำให้ต้นทุนของกลุ่มถูกลงนั่นเอง

ทั้งนี้หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ   บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI, บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH, บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เป็นต้น

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กมีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่สูง แต่มีโครงสร้างเงินฝากบางส่วนเป็นดอกเบี้ยลอยตัว จึงเป็นบวกต่อ NIM

ทั้งนี้หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP, บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO และ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นอกจากที่ดอกเบี้ยลดลงแล้ว ทำให้การผ่อนชำระต่องวดของผู้กู้ลดลง ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และได้ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้น คือ บ้านดีมีดาวน์ รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์จากเดิม 2% ของราคาประเมิน และค่าจดจำนองจากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนองเหลือ 0.01%

ทั้งนี้ หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ   บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ  AP, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI  และ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เป็นต้น

กลุ่มหุ้นปันผลสูง การปรับลดดอกเบี้ยจะกดดันให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ลดลง ในทางตรงข้ามมีโอกาสที่เม็ดเงินจะย้ายมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้นปันผลสูง รวมถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนอสังหาฯ

ทั้งนี้ หุ้นพร้อมกองทุนที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ  บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH, บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW, บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW,

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF และ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ หรือ POPFเป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากทั้ง 4 กลุ่ม พร้อมกับหุ้นที่คาดได้รับประโยชน์จาก กนง.ลดดอกเบี้ยในข้างต้นแล้ว….และเมื่อไปสำรวจในบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ก็มีการคัดสรรหุ้นตัว Top Pick ของแต่ละกลุ่มออกมา

โดยไปดูสิว่าทาง บล.เอเซีย พลัส แนะนำหุ้นตัวไหนบ้างที่เป็นตัวท็อปใน 4 กลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์

สำหรับกลุ่มเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง  ชอบ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มากสุด !!! คาดว่าธุรกิจจำนำทะเบียนรถยังเติบโตได้ดีจากความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายทยอยลดลง จากการออกหุ้นกู้ใหม่ดอกเบี้ยน้อยกว่า 3.5% เพื่อเพิ่มการเติบโตในพอร์ตสินเชื่อ และทดแทนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดปี 2563 มูลค่า 8.7 พันล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ยสูง 3.6 -4.2% ซึ่งยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 71 บาท

ส่วนทางกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ยกให้เป็น ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ซึ่งยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79.50 บาท

ขณะที่ทางกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ชอบ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.5 บาท และ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.9 บาท

ปิดท้ายกลุ่มหุ้นปันผล ยกให้เป็น Top Pick เลือก บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท และ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79.50 บาท

หุ้นข้างต้นน่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนระดับต้น ๆ ในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ !!!

Back to top button