ตลาดเฮง…?
*ดูเหมือนกระแสการติดแฮชแท็กเรื่องร้อน ๆ มักจะขึ้นชาร์ตทวิตเตอร์อันดับหนึ่งเป็นประจำ “โมนิก้า” เลยอยากจะเม้าท์ถึงบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงที่ผ่านมา เผื่อประเด็นดังกล่าวจะได้รับความนิยมเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ที่กำลังทวีตกันบ้าง จึงขอกลับมาทำหน้าที่ ส.ใส่เกือก เหมือนช่วงที่ผ่านมาสักนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากบรรดาแฟนคลับเรียกร้องให้ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านเยอะเหลือเกินไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนกระแสการติดแฮชแท็กเรื่องร้อน ๆ มักจะขึ้นชาร์ตทวิตเตอร์อันดับหนึ่งเป็นประจำ “โมนิก้า” เลยอยากจะเม้าท์ถึงบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงที่ผ่านมา เผื่อประเด็นดังกล่าวจะได้รับความนิยมเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ที่กำลังทวีตกันบ้าง จึงขอกลับมาทำหน้าที่ ส.ใส่เกือก เหมือนช่วงที่ผ่านมาสักนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากบรรดาแฟนคลับเรียกร้องให้ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านเยอะเหลือเกินไงล่ะคะ
*ก่อนจะเข้าสู่เรื่อง “ฮิต” ประเด็น “ร้อน” ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกครั้งว่า ต้องเกริ่นนำเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดัชนีสักนิดหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องที่แมงเม่าสงสัยกันมากเหลือเกินว่า การขึ้นมายืนเหนือ 1,500 จุด มาจากปัจจัย “พื้นฐาน” หรือ “น้ำมือ” ของบรรดากองทุนตัวแสบกันแน่! เพราะมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีเรื่องไหนที่สามารถจับต้องได้เลยสักอย่าง พลพรรคแมงเม่าเลยเลือกที่จะ “ขาย” มากกว่า “ซื้อ” ไว้ก่อนเจ้าค่ะ
*ที่สำคัญคือ วันนี้ต้องถามใจนักเล่นว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,535.24 จุด ลบไป 0.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.05 หมื่นล้านบาท ยังเป็นจุดที่ “คุ้มค่า” ต่อการเล่นหุ้น แม้ต้องแลกมาด้วย “ความเสี่ยง” ที่สูงขึ้นจริงไหม ? ซึ่งเป็นประเด็นที่มักเน้นย้ำกับแฟนคลับบ่อย ๆ เพื่อช่วยดึงสติในการเคาะขวาแบบรัว ๆ หลังข่าวสารที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกไม่มีเรื่องไหนน่าประทับใจเลยสักอย่าง (วันก่อนเพิ่งคลายกังวลเชื้อโคโรนา วันนี้กลับกังวลกันอีกรอบแล้ว) นะจะบอกให้
*ข้อมูลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการเซ็งเป็ดกับท่าทีของโปรโมเตอร์ตลาดหุ้น เพราะข่าวที่ได้ยินเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มันเป็นเรื่องความเฉื่อยแฉะในหลากหลายมิติ ซึ่งสร้างความอิดหนาระอาใจให้กับบริษัทจดทะเบียนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในมุมของการ “ผลักดัน” และรูปแบบของการ “ตอบสนอง” ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเลยจริง ๆ นะคะ
*ตรงนี้เป็นเรื่องที่เม้าท์กันให้แซ่ดในหมู่กระจอกข่าวที่นั่งทำงานแถวรัชดาภิเษก หลังมีหุ้นน้องใหม่ที่เข้าตลาด mai ไปเมื่อไม่นาน กำลังจะย้ายขึ้นไปอยู่บนกระดานเทรดของ SET ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เห็นจนชินตา และไม่มีอะไรเป็นประเด็นต้องให้ขบคิด เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การอัพเลเวลจะทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากบรรดากองทุน และจะทำให้การใช้เครื่องมือการเงินสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมเจ้าค่ะ
*น่าเสียดายที่ ตลท. ในยุคนี้ ทำงานแบบหัวสี่เหลี่ยมเกินไปหน่อย เลยไม่เข้าใจบริบทการเป็นผู้สนับสนุนที่ดีเขาทำกันอย่างไร ? ว่ากันว่าหุ้นที่จะย้ายขึ้นตลาดใหญ่ทำธุรกิจดีลเลอร์ขายรถยนต์ และมีความต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในหมวดพาณิชย์มากกว่าเข้าไปอยู่ในหมวดยานยนต์ เพราะเล็งเห็นว่าตัวเองไม่มีโรงงานผลิตเหมือนกับเจ้าอื่น แถมในต่างประเทศเขาก็เข้าไปอยู่หมวดพาณิชย์กันเป็นแถวนะจ๊ะ
*เรื่องดังกล่าวทำท่าเหมือนจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่หน่วยงานภายในสังกัดของ ตลท. กลับแสดงพฤติกรรมไม่เห็นด้วยออกมาอย่างชัดเจน พร้อมกับดำเนินการตีเรื่องตกไปเสียอย่างนั้น! ส่งผลให้บรรดาผู้เกี่ยวข้องเกิดอาการหดหู่ใจอย่างแรงอีกครั้ง เพราะคำอธิบายที่บอกผ่านมากับสายลม อ้างถึงวิธีปฏิบัติสืบทอดกันมามันเป็นแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นรอยหยักบนสมองของคนเหล่านี้มีมากน้อยขนาดไหน ?..อิอิอิ
*ประกอบกับบ่อยครั้งที่พวกกระจอกข่าวมักได้ยินคำกล่าวอ้างแบบข้าง ๆ คู ๆ ในการอธิบายเรื่องง่ายกลับกลายเป็นเรื่องยากเสียฉิบแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงเม้าท์ได้ทันทีว่า วิสัยทัศน์ของคนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินมาถึงทางตัน เพราะมองในมุมของการเป็นผู้จัดสรรสินค้าให้ดึงดูดน่าสนใจ พวกคุณ ๆ ท่าน ๆ ที่อยู่บนหอคอยงาช้างก็สอบตกหมดทุกคน ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เปลี่ยนไปเจ้าค่ะ
*เรื่องนี้เปรียบไปก็เหมือนกับพ่อค้าแม่ค้าตลาดสด ซึ่งต้องทำหน้าที่เชียร์สินค้าของตัวเองตลอดเวลา รวมทั้งต้องเลือกวางสินค้าในจุดที่สร้างแวลูให้ได้มากสุด และหากทำได้อย่างราบรื่นก็จะทำให้ทุกคน “แฮปปี้” มากกว่า “แซด” เดี๊ยนถึงอยากให้คุณ ๆ ท่าน ๆ ลองไปตรึกตรองใหม่อีกสักครั้ง เพราะไม่อยากให้ ตลท. เริ่มเกิดความรู้สึกเหินห่างกับความคิดความอ่านของ บจ. มากขึ้นเรื่อย ๆ น่ะซี
*ป.ล.งานนี้จะหาว่า “โมนิก้า” เลือกข้างฝั่ง บจ. ก็ไม่ว่าอะไร เพราะสิ่งที่ท้วงติงในครั้งนี้ มันเป็นการติเพื่อก่อ จึงหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจเจตนาดีที่มีให้กันเสมอมานะจ๊ะ