กองไม่ดัน..ก็จบเห่
*หากดูจากผลงานของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาเรื่อย ๆ ต้องยอมรับโดยดุษฎีบัณฑิตว่า ไม่น่าประทับใจเลยจริง ๆ ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้นักเล่นต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อปิดความเสี่ยงอีกครั้งนั้น “โมนิก้า” กลับมองเป็นจังหวะสวนกลับเร็วของพวกที่ถนัดเล่นรอบ แถมในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เคาะกันสั้น ๆ ในกรอบ 1,500-1,550 จุด จึงไม่มีประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนเกิดความรู้สึก “ตื่นเต้น” หรือ “หงอยเหงา” ไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากดูจากผลงานของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาเรื่อย ๆ ต้องยอมรับโดยดุษฎีบัณฑิตว่า ไม่น่าประทับใจเลยจริง ๆ ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้นักเล่นต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อปิดความเสี่ยงอีกครั้งนั้น “โมนิก้า” กลับมองเป็นจังหวะสวนกลับเร็วของพวกที่ถนัดเล่นรอบ แถมในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เคาะกันสั้น ๆ ในกรอบ 1,500-1,550 จุด จึงไม่มีประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนเกิดความรู้สึก “ตื่นเต้น” หรือ “หงอยเหงา” ไงล่ะคะ
*ประกอบกับเรื่องทั้งหมดที่เอื้อนเอ่ยถึงในข้างต้น มันเป็นประเด็นคำถามที่เคยนำเสนอให้แฟนคลับกลับไปคิดเป็นการบ้าน เลยถือโอกาสทบทวนความจำกันอีกสักครั้ง เพื่อให้ทุกคนเห็นพ้องกับการอ่อนตัวลงของดัชนีมายืนปิดที่ 1,513.68 จุด ลบไป 13.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.92 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากกองทุนตัวแสบไม่ยอมสวมบทป๋าดัน ทุกอย่างเลยจบเห่เร็วกว่าที่คิดไว้ก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ
*ผนวกกับเมื่อมองไป 2-3 เดือนข้างหน้า จะเริ่มเห็นผลกระทบจากวิกฤติเรื่องต่าง ๆ ที่ปะทุก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” เลยมีความเชื่อส่วนตัวลึก ๆ ว่า หากไตรมาส 1 ทั้งตลาดทำผลงานไม่เข้าเป้า น่าจะเป็นแรงกดดันให้นักเล่นกลุ่มสถาบันเทขายล็อตใหญ่ออกมาอีกระลอก และน่าจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้ดัชนีลงไปยืนใต้ 1,500 จุดอีกนานเลยทีเดียว จึงอยากให้แฟนคลับเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนะคะ
*เหมือนกับการเคาะขวารัว ๆ ในหุ้น BAM มันอาจเป็นเกมโหดในสายตาพวกอ่อนหัดก็จริง แต่ไม่ควรลืมว่าทุกอย่างเขาวัดกันที่พวกมาก..ลากไป “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเหตุผลที่ทำให้หุ้นเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 29 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.96 พันล้านบาทเป็นอย่างดี เพราะมองในมุมของค่า P/E 14 เท่า ก็ถือว่าราคาหุ้นบริเวณนี้ยังมีแก๊ปให้เล่นอีกนิดหน่อยพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BEM หากมองเฉพาะในมุมเทคนิคที่ “โมนิก้า” เล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนอย่างหมดไส้หมดพุง ก็เป็นจังหวะทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตได้สบาย ๆ เมื่อบวกกับเรื่องต่อสัมปทานทางด่วน เพื่อแก้ปัญหาพิพาทจนนำไปสู่การฟ้องร้องเงินก้อนโต น่าจะเป็นช็อตที่ทำให้ทุกฝ่าย วิน-วิน ราคาหุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.42 พันล้านบาท และมีลุ้นทดสอบไฮเดิมบริเวณ 11.50 บาทอีกครั้งนะจ๊ะ
*ส่วนในรายของหุ้นปลากระป๋อง TU เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 15.70 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 575 ล้านบาท ก็มาด้วยคอนเซ็ปต์ความคาดหวังว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม! จนหลงลืมบทเรียนเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันทำให้แมงเม่ากระเป๋าฉีกมาแล้วหลายรายด้วยกัน และที่น่าเป็นห่วงมากสุดในเที่ยวนี้ก็คือ P/E 20 เท่าสำหรับหุ้นตัวนี้ “ถูก หรือ แพง” เจ้าคะ
*เจ๋งโคตร ๆ ในเที่ยวนี้ต้องยกให้ AMANAH แต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นหุ้นที่ขึ้นตามผลงานอย่างชัดเจน จนฐานหุ้นมีราคาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงไม่รู้สึกกังวลเมื่อเห็นหุ้นเหวี่ยงแรงในระหว่างทางขาขึ้น เพราะสุดท้ายราคาหุ้นก็ต้องอ้างอิงตามปัจจัยพื้นฐานอยู่ดี เดี๊ยนถึงอยากถามแฟนคลับว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 4.14 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 187 ล้านบาท ท่ามกลาง P/E 18 เท่า ยังน่าเล่นไหมเอ่ย ?
*ส่วนที่เล่นแน่ ๆ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้นขายยาง NER เพื่อชี้ให้เห็นโอกาสของธุรกิจยังเปิดกว้าง แถมโรงงานแห่งที่ 2 ก็เดินเครื่องได้อย่างเต็มที่ในปีนี้ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 2.72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 7 เท่า มันเป็นจังหวะต้องลุยกันสุดซอยหรือเปล่า ? เพราะออเดอร์ยางตอนนี้ยาวไปถึงไตรมาส 3 จึงอยากให้ทุกคนช่วยประเมินว่าหุ้นของ “ป๋าชู” น่าสนใจเหมือนที่เดี๊ยนบอกเล่าความในใจให้ฟังไหม ?
*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีผลงานดีขึ้นทั้งที “โมนิก้า” ย่อมกวาดสายตามองไปยังหุ้น CKP หลังได้ยินเสียงกระซิบจากพวกจิ้งจกตามซอกตึกต่าง ๆ ว่างบสวย! ผนวกกับราคาหุ้นตกเป็นเวลานาน จึงมองการยืนปิดที่ 4.10 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท ก็สมควรแก่เวลาในการช้อนซื้อเข้าพอร์ต เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับนำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาไงล่ะคะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นน้ำแข็งใส AU เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของหุ้นที่ตกอยู่ภายในอุ้งเท้า..อุ๊ย..อุ้งมือของพวกกองทุนและไฮเน็ตเวิร์ท มักพบกับชะตากรรมอันโหดร้ายเมื่อถึงบทเลิกเล่น เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองการทรุดตัวลงหนักมาปิดที่ระดับ 9.05 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการหนีตายกันเป็นแถวหรือเปล่า ?