พาราสาวะถี

ยังคงเน้นย้ำเรื่องให้ฝ่ายค้านฟังคำตอบในสิ่งที่อภิปรายไม่ไว้วางใจตัวเองด้วยสำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุดก็สั่ง วิษณุ เครืองาม และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยาวเหยียดแจกแจงทุกซอกทุกมุมของปัญหาข้อพิพาททางด่วนระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM พร้อมให้อัดเทปทุกถ้อยคำส่งให้สื่อทุกสำนัก ด้วยกลัวว่าจะถูกฝ่ายค้านบิดเบือนในช่วงของการซักฟอก


อรชุน

ยังคงเน้นย้ำเรื่องให้ฝ่ายค้านฟังคำตอบในสิ่งที่อภิปรายไม่ไว้วางใจตัวเองด้วยสำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุดก็สั่ง วิษณุ เครืองาม และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยาวเหยียดแจกแจงทุกซอกทุกมุมของปัญหาข้อพิพาททางด่วนระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM พร้อมให้อัดเทปทุกถ้อยคำส่งให้สื่อทุกสำนัก ด้วยกลัวว่าจะถูกฝ่ายค้านบิดเบือนในช่วงของการซักฟอก

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีประเด็นเรื่องการต่อสัญญาให้เอกชนเช่าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ออกไปอีก 50 ปี พร้อมการย้ายโรงงานยาสูบไปที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ พระนครศรีอยุธยา ที่ถูก ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย จั่วหัวเรียกน้ำย่อยก่อนซักฟอกว่า สิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวรายหนึ่ง ซึ่งท่านผู้นำปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้กับนักข่าวทำเนียบฯ แต่ยืนยันว่าทุกเรื่องพร้อมที่จะไปตอบในสภาผู้แทนราษฎร

ไม่รู้ว่าเป็นการสับขาหลอกของฝ่ายค้านหรือเปล่า แต่จะยังไงไม่ทราบ เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคนายใหญ่ ก็แถลงหลังการประชุมเมื่อวันอังคารด้วยท่วงทำนองที่ดุเดือด ประกาศเปิด ยุทธการอรุณรุ่ง” ลุยศึกซักฟอกหนนี้ สิ่งที่คนทั่วไปอยากเห็นมากกว่าคำพูดคือที่บอกว่า ข้อมูลที่ตนมีรัฐบาลจะอาย แม้ไวรัสจะหายไปแล้วก็ยังคงจะต้องสวมหน้ากาก หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริง และขอให้เป็นการอภิปรายกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่สาดโคลนกันจนสภาเหม็นหึ่งก็แล้วกัน

ส่วนเรื่องการตั้งวอร์รูมของพรรคสืบทอดอำนาจหรือจะในนามพรรคร่วมรัฐบาลก็ตามที มันเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงอาการปากกล้าขาสั่นอย่างที่บอกไว้ตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยที่จะเป็นวอร์รูมเพื่อเก็บตกชี้แจงในสิ่งที่รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกอธิบายไม่ครบถ้วน บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับวอร์รูมประเภทตั้งป้อมจะลากไส้ ซัดฝ่ายค้านด้วยข้อกล่าวหาแบบเดิม ๆ เพราะนั่นไม่ใช่การเมืองที่ผ่านการปฏิรูป และยังจะเป็นการแสดงให้เห็นธาตุแท้ของขบวนการยึดอำนาจด้วยว่า เข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ใด

ขณะที่กรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันพรุ่งนี้ สารวัตรเหลิมเอาใจช่วยขอให้รอด แหม!คนที่ได้รับสารไม่รู้ว่าจะดีใจหรือใจแป้วแทน ก็ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรงจากการถูกยุบทั้งไทยรักไทย และพลังประชาชน คงจะคาดเดาสถานการณ์ได้ แต่ในมุมของกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ต่างมั่นใจว่าพรรคตัวเองจะไม่ถูกยุบ หากมองในมุมผู้บริหารก็เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนร่วมองค์กร ส่วนเบื้องลึกแล้วคงหวั่นไหวกันอยู่ไม่น้อย

เห็นกันมาตั้งแต่คราวหุ้นสื่อของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้ว มั่นอกมั่นใจกันเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายก็ถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้ส.ส. หนนี้ก็เช่นเดียวกันพวกร่วมพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย เคยเตือนมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนสร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ด้วยเห็นว่าไร้มารยาท หนนี้ก็ต้องลุ้นกันเอาว่าการคาดเดาของใครจะถูกต้อง ตรงเผง หากเป็นไปในทางตรงข้ามสงสัย ปิยบุตร แสงกนกกุล คงต้องไปสะกิดเพื่อนที่ยังเป็นอาจารย์สอนกฎหมายให้เผาตำราที่ร่ำเรียนกันมาทิ้งไปได้เลย

เดินทางไปมอบเงินเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โคราชด้วยตัวเอง พร้อม ๆ กับการไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้คนที่ห้างเทอร์มินอล 21 จุดเกิดเหตุ พลเอกประยุทธ์ย้ำเรื่องความสามัคคี การสร้างความปรองดอง ไม่แบ่งประชาชนเป็นฝักฝ่าย คงต้องถามว่าแล้วเลือกมองกรณีนี้จากมุมไหน หากเป็นความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน คนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันอยู่แล้ว แต่หากเป็นมิติทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีคนที่ชอบ พรรคที่ใช่ จะให้ไม่เลือกถือหางข้างใดคงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

ความจริงแล้ว ความขัดแย้งที่ฝ่ายกุมอำนาจมองว่ายังคงอยู่นั้น มันเป็นความขัดแย้งที่ร้าวลึกจนไม่สามารถพูดคุยกันได้เลยหรือไม่ ในแง่ของภาคประชาชนประเภทแบ่งกลุ่ม แบ่งสี ไม่น่าจะมีให้เห็นแล้ว สิ่งที่พบอยู่ในเวลานี้น่าจะเป็นเรื่องของฝ่ายเชียร์กับฝ่ายไม่เอาเผด็จการสืบทอดอำนาจมากกว่า พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์นั่นแหละ ซึ่งต้องไปหาเหตุผลว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงปฏิเสธการสืบทอดอำนาจของตัวเอง

การอ้างรักประเทศ รักประชาชนและทำทุกอย่างมากกว่ารัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา มันไม่สามารถช่วยอะไรได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ทำมานั้นมันเกิดขึ้นในยุคที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ประเภททุกโต๊ะ ชี้นิ้ว สั่งการ แต่ก็จะเห็นได้ว่าสามารถแก้ได้บางเรื่อง แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอันเป็นเรื่องหลักของประชาชนส่วนใหญ่ได้ ยิ่งเข้ามาทำหน้าที่ตามที่อ้างว่าผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ประชาชนยังมองไม่เห็นทิศทางว่าผู้นำและคณะจะนำพาประเทศและประชาชนก้าวไปให้มั่นคงได้อย่างไร

ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่น้อยนิดในปีที่ผ่านมา เกิดจากปัจจัยด้านการส่งออกเป็นหลักโดยภาคการท่องเที่ยวยังเข้ามาช่วยพยุงได้บ้าง แต่ปีนี้เจอกันตั้งแต่ต้นปีจากปัญหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยว เท่ากับว่าประเทศไทยเสียขาที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศกระเตื้องไปอีกข้าง การจะไปหวังแคมเปญกระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวกันภายในประเทศ ท่านผู้นำก็เป็นคนพูดเอง “มีเงินจะเที่ยวกันหรือไม่”

ดังนั้น สิ่งที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ แสดงความเห็นล่าสุด น่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเงี่ยหูฟังแล้วนำไปปฏิบัติ คือต้องทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าหลังจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ผ่านไปแล้ว เศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาได้ไม่ใช่ทรุดแล้วทรุดเลย ส่วนถึงขนาดที่ หากทำไม่ได้หรือทำไม่เป็นควรจะต้องออกไป เพื่อให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศแทนนั้น ก็ดูจะโหดร้ายเกินไปเพราะจะมีเหตุผลว่าเพิ่งทำงานได้แค่ 7 เดือน ถ้าเช่นนั้นคงต้องรอดูศึกซักฟอกสัปดาห์หน้าว่าจะมีอะไรทำให้อยู่กันได้ยากหรือต้องปรับอะไรกันหรือไม่

Back to top button