หุ้นกับรัฐไทย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันพุธร่วงแรงต่ำสุดในรอบ 4 ปี และเป็นการร่วงวันเดียวที่เกือบเป็นสถิติใหม่ในรอบกว่า 13 ปีด้วยซ้ำ แม้จะรีบาวด์กลับมาวานนี้เกือบ 30 จุด ก็ไม่ได้บอกข่าวดีอะไรมากมาย
พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันพุธร่วงแรงต่ำสุดในรอบ 4 ปี และเป็นการร่วงวันเดียวที่เกือบเป็นสถิติใหม่ในรอบกว่า 13 ปีด้วยซ้ำ แม้จะรีบาวด์กลับมาวานนี้เกือบ 30 จุด ก็ไม่ได้บอกข่าวดีอะไรมากมาย
ที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า เกิดขึ้นในยามที่ต่างชาติเร่งระดมถอนทุนระยะสั้นจนค่าบาททำจุดอ่อนค่าสุดในรอบสองเดือนที่ระดับเหนือ 31.80 บาทต่อดอลลาร์
คำอธิบายง่ายสุดที่หลบเลี่ยงความเป็นการเมืองสุดยามนี้ของนักวิเคราะห์คือเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยที่ลุกลามเพราะความน่าเชื่อถือของข้อมูลไร้ความชัดเจน
หากมองจากภาพรวม คำอธิบายดังกล่าวเป็นเพียงกระพี้ของรากเหง้าของการที่นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันพากันแสดงความไม่ไว้วางใจต่ออำนาจรัฐไทยนั่นเอง
ความไม่ไว้วางใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้น แต่ยังรวมความถึงอำนาจรัฐในส่วนอื่น ๆ ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และตุลาการทั้งหมดด้วย เพียงแต่ความเข้มข้นของความไม่ไว้วางใจที่กระจายตัวนั้นยังไม่ได้เข้มข้นมากเพียงพอจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
นับแต่การรัฐประหารโดยกองทัพตั้งแต่ปี 2557 จนถึงการนำเอารูปแบบประชาธิปไตยจอมปลอม 250 ส.ว.ตั้งนายกฯ โกงคะแนนประชาชนด้วยสูตรเศษมนุษย์ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ทำให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำครองอำนาจผูกขาด
แถมยังแปลงร่างเป็นสภาทราม พรรคไอ้กุ๊ยคืนร่างเป็นพรรคเวร ประชาชนถ่มถุยเหยียดหยาม คือปรากฏการณ์ที่เข้าข่าย “อำนาจเก่าล่มสลาย แต่อำนาจใหม่ยังไม่เกิดขึ้น นรกเรียกหาจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้น”
ความพยายามใช้อุดมการณ์ ศีลธรรมจรรยาอนุรักษนิยมอย่างสามานย์ ใช้ทั้งเงินทั้งอำนาจเถื่อนกดหัวประชาชนเอาไว้ ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นทางการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ยังบั่นทอนภาวะเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมจนเสื่อมทรามยากจะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ง่าย
ระบอบรัฐสภากลายเป็นรัฐสภาทราม ระบบบริหารกลายเป็นรัฐอำนาจนิยม รัฐทหาร รัฐตำรวจ หรือรัฐสภากเฬวราก นี่มันยุคเลวร้ายที่สุด แต่ยังดันทุรังอยู่ได้ เพราะอะไร เพราะผู้คุมอำนาจไม่แยแสใคร เชื่อว่าประชาชนต่อต้านไม่ได้ ล้มไม่ได้ มีทั้งปืนทั้งกฎหมาย ตำรวจทหารศาล ต้องเชื่อฟังหมด ประชาชนเป็นแค่ฝุ่นหรือหญ้าฟางที่ไร้ค่า
ระบอบอุบาทว์อย่างนี้มันอยู่ไม่ได้ยาวนานแน่นอน เพียงแต่การสะสมความไม่พอใจต่อระบบมีความเข้มข้นแต่ละสถานการณ์และห้วงเวลาที่ต่างกันไป
การยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยสาเหตุที่คลุมเครือ เท่ากับการปิดทางออกที่มีเหลืออยู่ไม่มากนักสำหรับการออกจากระบอบเผด็จการทหารและอำนาจนิยมของพลังอนุรักษนิยมในรัฐไทยด้วยสันติวิธี
การก่อหวอดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยทั่วประเทศอาจจะไม่สามารถล้มล้างอำนาจรัฐไทยเก่าได้โดยตรง แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความอัดอั้นของผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นที่ชัดเจน สามารถบั่นทอนความชอบธรรมที่มีเหลือไม่มากของรัฐไทยได้ในอัตราเพิ่มที่น่ากังวล
อำนาจรัฐเผด็จการแบบไทย ๆ อาจจะดูเบากว่าพลังประชาธิปไตยที่โดยทั่วไปแล้ว “ไม่มีเชื้อคลั่ง” เหมือนพวกอ้างชาติอ้างศีลธรรม ที่พร้อมใช้ความรุนแรงไม่บันยะบันยัง แต่หากแรงปะทุจากความอดกลั้นที่เกินเลย ก็พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายครั้งว่า สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงได้ หากเกิดอาการ “เหลืออด” ขึ้นมา
ขาลงของรัฐเผด็จการที่เริ่มให้เห็นและระบาดมาถึงตลาดหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยังไม่ได้การันตีว่านี้คือ “ก้นเหว” แน่นอน ตราบใดที่อำนาจรัฐที่พร้อมกระทำการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนยังดำรงอยู่ต่อไป
ยามนี้ดัชนี SET ไม่สามารถบอกได้ว่าจะลงลึกแค่ไหนจะถึงก้นเหว จนกว่าคำตอบว่ารัฐไทยจะสามารถสร้างความไว้วางใจอีกครั้งเมื่อใด และอย่างไร