หมดลุ้น

*สิ่งที่นักเล่นควรทำความเข้าใจอีกครั้งก็คือ แรงเทขายที่ออกมาในล็อตนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นลงทุนอีกต่อไป ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงไปเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่เคยถือโทษโกรธเคืองคนที่กระหน่ำซัมเมอร์เซลครั้งใหญ่ เพราะมันเป็นเคพีไอที่ใช้วัดคุณภาพของผู้จัดการกองทุน เดี๊ยนถึงได้แต่ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สิ่งที่นักเล่นควรทำความเข้าใจอีกครั้งก็คือ แรงเทขายที่ออกมาในล็อตนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นลงทุนอีกต่อไป ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงไปเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่เคยถือโทษโกรธเคืองคนที่กระหน่ำซัมเมอร์เซลครั้งใหญ่ เพราะมันเป็นเคพีไอที่ใช้วัดคุณภาพของผู้จัดการกองทุน เดี๊ยนถึงได้แต่ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นพะยะค่ะ

*ประกอบกับเป็นที่รับรู้กันมานานว่า แรงซื้อที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นลักษณะมาร์จิ้น จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกทำฟอร์ซเซลล์แบบจัดหนัก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงเละเทะต่อไปแบบไม่มีกำหนด แถมเมื่อเทียบเคียงกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 ซวนเซจนยากที่จะกู้กลับได้ในเร็ววัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนทำใจกับแรงกระแทกที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ให้ดีเป็นพิเศษนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,340.52 จุด ลบไป 54.56 จุด หรือลงไปอีก 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงถึง 8.65 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นมุมที่นักเล่นต้องอ่านเกมให้ออก ว่าวันนี้ขายเพราะวิตกกังวล หรือวันนี้ขายเพราะไม่ดีจริง ๆ โดยเอฟเฟ็กต์ตรงนี้จะพุ่งตรงไปยังหุ้นบลูชิพมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับ “เก็บเงิน งอมือ” เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงที่ทุกอย่างยังฝุ่นตลบ จนกว่าจะมองหาทางออกที่สวยงามไงล่ะคะ

*ประเด็นนี้ดูได้จากแรงเทขายที่ถาโถมใส่หุ้นน้องแบม BAM จนสถานการณ์ของหุ้นย่ำแย่อย่างไม่น่าเชื่อนับตั้งแต่เข้าเทรด จนสุดท้ายหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 22.40 บาท ลบไป 5.60 บาท หรือลงไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.06 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากแนวทางการขายสมบัติเก่ากินในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่ มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเหมือนปีที่ผ่านมา จึงกลายเป็นหุ้นที่กองทุนทุบไม่เลี้ยงและหันมาเล่นขาลงแทนน่ะซี

*ขนาดหุ้น BEM ที่ว่าแน่ ๆ และมีแฟนคลับเหนียวแน่น ยังเอาตัวไม่รอด พร้อมกับแสดงอาการจะอ่อนตัวลงไปอีกเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกไม่สบายใจอย่างแรงเช่นกัน เพราะแรงขายที่ออกมาในเที่ยวนี้มันฟ้องว่า ขายก่อน..เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ซึ่งเป็นภาพการลงทุนที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย และทำให้ราคาปิดที่ระดับ 9.25 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 พันล้านบาท อาจไม่ใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้นะจ๊ะ

*ส่วนในรายของ CENTEL ก็เป็นอีกตัวที่เจอพิษ “โควิด-19” เล่นงานธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ หากยังไม่สามารถหยุดไวรัสมรณะได้ในเร็ววัน คงได้เห็นตัวเลขกำไรลดฮวบอย่างแน่นอน และการที่ราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 18 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.33 ล้านบาท ยิ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ไม่มีใครเอา ? ราคาคงยังไม่กระเตื้องขึ้นในเร็ว ๆ นี้แน่นอนจ้า

*ด้าน ANAN บอบช้ำอย่างหนักหลังผลงานปี 2562 ออกมาไม่ได้ดั่งใจ แถมการทำธุรกิจก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้นในเร็ววัน จึงเปรียบเสมือน “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” ส่งผลให้ราคารูดลงมาปิดที่ระดับ 1.54 บาท ลบไป 0.26 บาท หรือลงไป 14.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.55 ล้านบาท ทุบสถิติ “ออลไทม์โลว์” ยิ่งถ้าไปดูสัญญาณทางเทคนิค บอกเลยว่าหนักหนา เพราะเป็นขาลงมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยราคาในกระดานที่ต่ำขนาดนี้ ทำให้หอมหวานยวนใจเหล่าแมงเม่าเหลือเกินเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ CBG โดนเทขายออกมาก่อนใครเพื่อนจากอาการแพนิกยอดขายต่างประเทศลดฮวบ แม้จะประกาศตัวเลขกำไรปี 2562 โตเกินคาดทะลักกว่าเท่าตัว แถมด้วยปันผลอีกหุ้นละ 1.20 บาท ก็ยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาซักกะนิด เพราะความกลัวของคนมีมากกว่าความกล้า ราคาหุ้นถึงถอยลงมาปิดที่ระดับ 71.75 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.04% มูลค่าซื้อขาย 493.42 ล้านบาท นิวโลว์ในรอบกว่า 8 เดือนยังไงล่ะเจ้าคะ

*ตบท้ายกันที่น้องสวย BEAUTY กันสักหน่อยดีกว่า! เพราะทันทีที่ภาวการณ์ลงทุนไม่เอื้อต่อการเล่นเก็งกำไร บรรดานักเล่นขาประจำก็ปาหุ้นทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 1.90 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 10.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 360 ล้านบาทอย่างง่ายดาย “โมนิก้า” กลับมองเป็นเกมปกติของหุ้นตัวนี้ไปเสียแล้ว เพราะแก๊งก๊วนที่เข้ามาเล่นก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก จึงไม่เห็นความผิดปกติของหุ้นตัวนี้พะยะค่ะ

Back to top button