ฝืนดันหุ้น

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และพร้อมจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ได้ตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงเหนื่อยใจสุด ๆ เมื่อเห็นดัชนีสวิงสวายเกินจะรับได้ เพราะอาการพุ่งพรวดขึ้นไปเกือบ 20 จุด ต่อจากนั้นรูดพรวดเดียวลงไปกว่า 20 จุด ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,335.72 จุด ลบไป 4.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.43 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่อึดอัดใจอย่างแรงนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และพร้อมจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ได้ตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงเหนื่อยใจสุด ๆ เมื่อเห็นดัชนีสวิงสวายเกินจะรับได้ เพราะอาการพุ่งพรวดขึ้นไปเกือบ 20 จุด ต่อจากนั้นรูดพรวดเดียวลงไปกว่า 20 จุด ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,335.72 จุด ลบไป 4.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.43 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่อึดอัดใจอย่างแรงนะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้ถึงยืนยันคำเดิมที่ได้ลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้ว่า อย่าเยอะ! เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ยังไม่มีบทสรุปความเสียหายที่เป็นตัวเลขออกมาอย่างชัดเจน “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการไม่ไว้ใจอะไรได้เลยสักอย่าง เพราะเมื่อส่องดูเนื้อในของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ มันไม่มีสัญญาณบ่งชี้ตัวไหนที่ทำให้รู้สึกได้ว่า ปัญหาไวรัสมรณะกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเลยพับผ่าซิ!

*ฉะนั้นอย่าถามว่าหุ้นตัวไหนน่าซื้อ..หุ้นตัวไหนน่าสอย เพราะเอาเข้าจริงก็รู้กันอยู่เต็มอกตูม ๆ ว่า น่าจะใช้วิธีทยอยซื้อเข้าพอร์ตทุกตัว แต่นักเล่นไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนได้เหมือนเมื่อก่อน ส่งผลให้ภาพของการลงทุนในเที่ยวนี้ออกมาในโทน “ขึ้นทุบ ลงทุบ” ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยมีแค่ “เจ๊า กับ เจ๊ง” โอกาสทำกำไรในช่วงตลาดหุ้นผันผวนแทบเป็นไปไม่ได้เลยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นปูนใหญ่ SCC ถูกถล่มขายหนักเป็นเวลานานหลายวันจนโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย เท่ากับเป็นการย้ำแผลแตกเกี่ยวกับตัวเลขกำไรไม่ปัง จึงถูกลงโทษด้วยการขายทิ้งทุกราคา วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 308 บาท ลบไป 2 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 964 ล้านบาท “โมนิก้า” คงให้น้ำหนักไปที่เรื่อง wait and see” เพื่อชี้ให้เห็นความจำเป็นของการใช้กลยุทธ์นี้นะคะ

*เช่นเดียวกับพ่อดอกมะลิ JAS ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับรายข้างต้น แต่ที่หนักกว่าอยู่ตรงสถานการณ์หลายอย่างบีบคั้น จนทำให้สง่าราศีหมองลงไปทันที และยากจะกู้ให้กลับขึ้นมาดีดั่งเดิมนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจสาเหตุที่หุ้นลงมายืนปิด 4.76 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260 ล้านบาท มันนอกเหนือการควบคุมนะตัวเอง

*คล้ายกับกรณีโรงเรียนของหนู SISB กลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่โดนพิษโควิด-19 เล่นงานเข้าอย่างจัง ราคาหุ้นถึงร่วงลงมาแรมเดือน จากราคาหุ้นที่เคยอยู่แถว 11 บาท ล่าสุดลงมายืนที่ระดับ 8 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 10.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 83 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่แฟนพันธุ์แท้ถอยฉากเพื่อขอไปตั้งหลักเป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นจะกลับเข้ามาลุยใหม่อีกรอบนะคะ

*ส่วนรายที่ได้รับเอฟเฟ็กต์เต็ม ๆ แบบหุ้นเดินเรือ PRM กลายเป็นช็อตบังคับให้ทุกคนต้องปาหุ้นทิ้งออกไปก่อน เพราะเห็นกันทนโท่ว่า ระบบขนส่งได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กับภาคธุรกิจอื่น จึงคาดเดาผลงานในไตรมาส 1 น่าจะออกมาย่ำแย่ชนิดพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินราคาปิดที่ 4.20 บาท ลบไป 0.56 บาท หรือลงไป 11.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55 ล้านบาท ท่ามกลาง P/E 11.60 เท่า มันจูงใจพอให้เก็บหุ้นไหมล่ะคะ

*ขนาดรายที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นเป็นเวลานานอย่าง COM7 ยังโดนขายแบบไม่ต้องถามไถ่ให้มากความแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่ไม่ดีสำหรับการเล่นหุ้น แถมเมื่อวันก่อนโดนกดแบบสุดซอย แต่สุดท้ายมีมือที่มองไม่เห็นงัดขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ เท่ากับเป็นการยืนยันขบวนทัพแตกไม่เป็นท่าแล้วแน่ ๆ ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 21.10 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 228 ล้านบาท ไม่น่าใช่จุดที่แมงเม่าต้องเข้าไปรับของร้อนนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่ย่ำแย่มาเป็นเวลานาน และคงต้องย่ำแย่ต่อไปอีกนานอย่าง ESSO ถือเป็นช็อตของการเล่นหุ้นขาลงอย่างแท้จริง เพราะทุกครั้งที่หุ้นรีบาวด์ทีไร มักมีแรงขายตามหลังมาเป็นประจำ ยังผลให้หุ้นที่เคยมีราคาค่างวดเกือบ 10 บาท วันนี้กลับกลายเป็นหุ้นที่ยืนอยู่แค่ 5.85 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96 ล้านบาท และมีสิทธิ์เห็นราคาต่ำกว่านี้อีกแน่ ๆ เจ้าค่ะ

Back to top button