พาราสาวะถี

บอกว่าเวลานี้จะไม่พูดเรื่องอื่นขอโฟกัสแต่โควิด-19 เพียงอย่างเดียว ขอให้มันเป็นเช่นนั้นจริง แล้วอย่าเอาเรื่องไวรัสดังว่ามาเลี้ยววกกลับเข้าไปหาแฟลชม็อบของนักเรียน นิสิต นักศึกษาก็แล้วกัน


อรชุน

บอกว่าเวลานี้จะไม่พูดเรื่องอื่นขอโฟกัสแต่โควิด-19 เพียงอย่างเดียว ขอให้มันเป็นเช่นนั้นจริง แล้วอย่าเอาเรื่องไวรัสดังว่ามาเลี้ยววกกลับเข้าไปหาแฟลชม็อบของนักเรียน นิสิต นักศึกษาก็แล้วกัน ซึ่งคงอดไม่ได้ เพราะในการพูดคุยกับนักเรียนที่สสส.พาเข้าพบเพื่อดำเนินกิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้บอกเด็ก ๆ เหล่านั้นว่าให้ระวังกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก แนะให้เอาเวลาไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่าสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์

แปลความหมายได้กว้าง แต่ถอดรหัสความต้องการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีแค่เรื่องเดียว เพราะฟังบรรดารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลในคอกพรรคสืบทอดอำนาจ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ยกเอาประเด็นโควิด-19 มาขู่นิสิต นักศึกษา เหมือนเป็นความปรารถนาดี แต่เจือปนไปด้วยวาระซ่อนเร้น โดยเฉพาะบรรดาที่มีปมอยู่ในข่ายถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้ ย่อมรู้สึกสั่นคลอน อ่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวของเหล่าปัญญาชนทั้งหลายที่กำลังจุดติด ทุนยังไม่ทันถอนจะมาพังพาบกันเสียก่อนได้ไง

ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องโควิด-19 กันแล้ว กับข่าวคราว ผีน้อย” แรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้แสดงความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ โดยรัฐบาลโสมขาวเว้นโทษความผิดให้ เวลานี้มีตัวเลขผู้แสดงตัวแล้วกว่า 5 พันคนจากจำนวนหลายหมื่นราย สิ่งที่คนภายในประเทศรู้สึกหวั่นไหว และเกิดกระแสติดแฮชแท็กในโลกโซเชียลกันก็คือ รัฐบาลจะมีมาตรการรับมือกับคนเหล่านั้นอย่างไร จำนวนที่ว่าจะเดินทางมาพร้อมกันแล้วเข้าสู่โหมดกักตัวเหมือนกรณีคนไทยจากอู่ฮั่นหรือไม่

ประเด็นเหล่านี้ต้องรีบชี้แจงให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว เพราะหากปล่อยให้มีการเดินทางกลับแบบตัวใครตัวมัน มาตรการเฝ้าระวังที่ดำเนินการอยู่ไม่รู้ว่าจะรับมือได้หรือไม่ ซึ่งไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ ให้โอกาสรัฐบาลได้เตรียมการและเชื่อว่าน่าจะมีการอธิบายกันโดยลำดับ ไวรัสมรณะหนนี้มีการตื่นตัว ตื่นรู้กันเป็นวงกว้าง ไม่ใช่การตื่นตระหนก ทั้งหมดจะควบคุมได้สำเร็จหรือไม่ นอกจากความร่วมมือของประชาชนแล้ว อยู่ที่รัฐบาลด้วยว่าจริงใจและให้ข้อมูลที่ครบถ้วน เป็นจริงแค่ไหน

ปมหน้ากากอนามัยขาดตลาด ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม บริหารจัดการกันอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยได้ชื่อว่ามีศักยภาพในการผลิตได้มากที่สุดประเทศหนึ่ง ของขาดเพราะความต้องการสูง เป็นปกติของเรื่องดีมานด์ซัพพลาย แต่ที่คนไม่เข้าใจคือ รัฐบาลเพิ่งประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม นั่นหมายความว่า เรื่องของราคาต้องไม่ให้มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ อย่าได้อ้างเรื่องตลาดมืดหรือความพึงพอใจระหว่างผู้ค้ากับคนซื้อ

อย่าลืมว่า คนมีตังค์คือคนส่วนน้อยของประเทศ ส่วนผู้มีรายได้น้อยคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ หากบริหารจัดการแค่เรื่องหน้ากากให้คนเข้าถึงไม่ได้ ปล่อยให้มีการโก่งราคาจนคนยากที่จะซื้อหามาใช้ นั่นหมายความว่า รัฐบาลนี้ยังสลัดภาพอุ้มคนรวยไม่ช่วยคนจนไม่หลุด รวมไปถึงภาพของการเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวนายทุนทั้งหลาย หากปล่อยไว้แบบให้เป็นไปตามสถานการณ์ระวังจะถูกกล่าวหาว่าสมคบคิด มีผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน

เสร็จศึกซักฟอก ที่ตามมาทันควันคือข่าวการปรับครม. ชายตามองความน่าจะเป็นหากจะขยับก็ต้องเป็นในสัดส่วนของพรรคสืบทอดอำนาจ ท่านผู้นำประเมินแล้วกระทรวงไหนไม่เข้าตา ก็ต้องปรับเปลี่ยน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลถามว่ากล้าแตะหรือไม่ โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ที่ส่งสัญญาณมาแต่ไกลจะเปลี่ยนกันอย่างไรไม่ว่า แต่อย่ายุ่งกับโควตา 7 เสนาบดีของพรรค เหตุไม่มีข้อครหา ไร้เรื่องด่างพร้อย และงานกำลังเข้าฝัก (ในสายตาของคนพรรคเดียวกัน)

ส่วนฟากภูมิใจไทยต้องไปวัดว่าจะมีข้อเรียกร้องเพิ่มมาหรือไม่ หลังจากได้งูเห่ามาไว้ในครอบครองเกือบ 10 ชีวิต ทำให้เก้าอี้ส.ส.แซงหน้าเพื่อนที่กอดคอร่วมกันต่อรองช่วงจัดตั้งรัฐบาล หากเสถียรภาพของรัฐบาลวัดจากตัวเลขส.ส.ที่มีอยู่ในมือ ก็ถือเป็นความชอบธรรม อนุทิน ชาญวีรกูล จะขอโควตาเพิ่ม ถ้าไม่ยอมก็ต้องยินดีที่จะไม่แตะเก้าอี้ที่มีอยู่ของพรรคนี้เช่นกัน ยิ่งในสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับวิกฤติศรัทธา การต่อรองก็ยิ่งยุ่งยากกว่าคราวตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแต่เพียงผู้เดียว มองจากช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเป็นยุคคสช.ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเสียงวิจารณ์ว่าจะหนักข้อขนาดไหน ใครดีไม่ดีอย่างไรผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสามารถกระเตงกันไปได้เรื่อย ๆ แต่ยามนี้ที่ถูกตีขนาบด้วยสารพัดปัญหา ท่ามกลางข้อกังขาว่ารัฐบาลอำนาจสืบทอดไร้น้ำยา หากยังทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อมก็ไม่น่าจะเดินต่อกันไปได้

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า แล้วเก้าอี้ที่จะแตะในส่วนของพรรคสืบทอดอำนาจนั้นอยู่ในสัดส่วนของกลุ่มมุ้งต่าง ๆภายในพรรค เขย่าเพื่อขยับให้คนมีชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์เข้ามาแทนที่หรือจะแค่ซื้อใจ จัดสรรอำนาจให้กับบรรดาพวกเขี้ยวลากดินภายในพรรคเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคแกนนำรัฐบาล หรือจะรื้อกันล็อตใหญ่ อันรวมไปถึงเก้าอี้ในสัดส่วนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วย เพราะในส่วนนี้ถือว่าเป็นโควตาที่ทำให้มีปัญหาต่อการบริหารจัดการทางการเมือง

หากเป็นเช่นนั้นจริง คำถามตัวโตจะเกิดขึ้น คนชื่อประยุทธ์จะกล้าหักพี่ผู้มีพระคุณ จะกล้าถอดคนที่ใช้ประโยชน์ทั้งในแง่ข้อกฎหมายและคำแนะนำด้านเศรษฐกิจที่อยู่รอบตัวทั้งหมดอย่างนั้นหรือ โจทย์ที่ยากไปกว่าความเกรงใจและรักษาน้ำใจของคนที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก็คือ ถ้าปรับแล้วภาพออกมาในทาง “ยี้” มากกว่า “เยี่ยม” ก็เท่ากับเป็นการปรับเพื่อนับเวลาถอยหลัง แต่สำหรับคนที่ชอบใช้อภินิหารแล้วอาจเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะมีปาฏิหาริย์ทำให้รัฐบาลเรือเหล็กรอดพ้นวิกฤติไปได้ ซึ่งนั่นก็ต้องไปลุ้นกันเอาเอง

 

Back to top button