กองทุน (เจ้าเก่า)
*เมื่อถามไถ่เกี่ยวกับอาการปรับตัวขึ้นของดัชนีที่ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,390.83 จุด บวกไป 12.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.68 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนก็บอกได้คำเดียวว่าค่อนข้างรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการปรับขึ้นรอบนี้ และไม่ได้คาดหวังการปรับขึ้นในวันต่อ ๆ ไป เพราะอากัปกิริยาที่แสดงออกมาในแต่ละวันยังไม่ทำให้รู้สึกไว้ใจ ทั้งในแง่ของพื้นฐานที่ยังไม่เห็นทิศทางชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ผนวกกับปัจจัยลบในประเทศยังหนาหู!
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*เมื่อถามไถ่เกี่ยวกับอาการปรับตัวขึ้นของดัชนีที่ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,390.83 จุด บวกไป 12.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.68 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนก็บอกได้คำเดียวว่าค่อนข้างรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการปรับขึ้นรอบนี้ และไม่ได้คาดหวังการปรับขึ้นในวันต่อ ๆ ไป เพราะอากัปกิริยาที่แสดงออกมาในแต่ละวันยังไม่ทำให้รู้สึกไว้ใจ ทั้งในแง่ของพื้นฐานที่ยังไม่เห็นทิศทางชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ผนวกกับปัจจัยลบในประเทศยังหนาหู!
*ฉะนั้นการที่หุ้นหลาย ๆ ตัววิ่งพรวดพราดขึ้นมาขนาดนี้ จึงเหมือนกับการโกงความตายแบบย่อม ๆ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น อาจเพราะมีนักเล่นกลุ่มหนึ่งกำลังกว้านเก็บหุ้นที่ร่วงหนักถึงแม้ว่ามาตรการที่แต่ละหน่วยงานจะควักไส้ออกมาใช้ยังดูมึน ๆ งง ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้ใช้สติก่อนจะเฮโลกันไป เพราะหากไม่มองปัจจัยรอบด้านให้ครบเสียก่อน ผลสุดท้ายอาจเจ็บตัวกันอย่างถ้วนหน้าเจ้าค่ะ
*นาทีนี้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในช่วงที่ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน คือซื้อเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมาอยู่ระดับต่ำกว่าพื้นฐานเท่านั้น และพอมีกำไรก็ทยอยขายทำกำไรออกมาให้ทัน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า บรรยากาศโดยรวมไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไหร่ ถึงได้เห็นดัชนีวิ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,408.35 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาเหลือเพียง 1,390.83 จุด แถมกลุ่มที่ดันหุ้นขึ้นหนีไม่พ้น “กองทุน” เจ้าเก่าที่ชอบเข้ามาดันหุ้นเพื่อออกของ แถมที่ผ่าน ๆ มาประสบการณ์สอนว่าการขึ้นแรงมักจะตามมาด้วยการขายที่หนักหน่วงกว่าเสมอ!
*รายที่ยังฮิตติดลมบนคงหนีไม่พ้น BAM ที่ก่อนหน้านี้เคยไล่ราคากันไปจนถึง 31 บาท และเริ่มมีการปล่อยของออกมา คราวนี้เห็นทีจะเริ่มกลับมาไล่ราคากันอีกรอบใหญ่ ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ระดับ 25.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.55 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่ายังมีโอกาสที่หุ้นตัวนี้จะไต่ระดับขึ้นไปใกล้เคียงกับที่เคยทำไว้อีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่มีคนปล่อยของออกมา ก็มักจะได้เห็นคนเข้ามารับของอยู่ทุกครั้งไปเจ้าค่ะ!
*ฟากราคาหุ้น CPF ขึ้นมาปิดที่ระดับ 28.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นทางเทคนิค พ่วงด้วยปัจจัยบวกด้านพื้นฐาน ไล่เรียงจากราคาหมูเวียดนามยังสูง แถมค่าเงินบาทอ่อน ถือว่าเป็นหุ้นที่มีดีทั้งสตอรี่ทางพื้นฐานและเทคนิค “โมนิก้า” มองว่าราคาน่าจะกลับไปทดสอบเป้าแถว 30 บาทได้อีกครั้งแบบไม่ยากเย็นเจ้าค่ะ
*หันมาดูหุ้นสายการบินอย่าง AAV หลัง “คมนาคม” งัดแผนอุ้มสายการบินที่โดนมรสุม “โควิด-19” ส่งผลให้นักเล่นกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยความคิดที่ว่าหุ้นลงมา “ต่ำเกินพื้นฐาน” ผลักราคาหุ้นพุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.54 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 2.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 170.33 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช่วงกอบโกยสั้น ๆ ก่อนกลับบ้านใครบ้านมัน เพราะดูพื้นฐานแล้วบอกได้คำเดียวว่ายังไม่รุ่งเจ้าค่ะ!
*ในรายของ CBG เด้งขึ้นในลักษณะเดียวกับรายข้างต้นทุกประการ แต่ที่ต่างกันนิดหนึ่งคงเป็นเรื่องผลงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ไม่ว่าจะมองมุมไหนยังไงก็ยังเจอกับผลกระทบด้านลบเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดฮวบทั้งในและต่างประเทศ การได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 78.25 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 7.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 762.74 ล้านบาท หนีไม่พ้นเรื่องของ Sentiment บวกจากการแจกเงินให้ประชาชนที่คาดหวังว่าจะทำให้การบริโภคในประเทศกลับมาคึกคัก
*แต่เมื่อมองย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่เป็นตัวกดดันหุ้นที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงกับตั้งคำถามว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลบวกกับหุ้นตัวนี้ได้มากแค่ไหน ? ในเมื่อสัดส่วนส่งออกสูงถึง 47% ของรายได้รวม และการเด้งขึ้นวันนี้ถามได้คำเดียวว่า “เร็วไปไหม ?” เพราะกว่าการบริโภคในประเทศอีก 53% ที่เหลือจะกลับมาฟื้นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยคงเป็นช่วงท้าย ๆ ปีโน่นแน่ะ แถมลักษณะการเคลื่อนตัวในรูปแบบนี้มาบ่อยครั้งจนทำให้เชื่อว่าเป็นเพียงการเด้งเพื่อลงเท่านั้น!
*ส่วนหุ้น STA วิ่งขึ้นอย่างหวือหวา แต่มีภาษีดีกว่าค่อนข้างชัดเจน ล่าสุดมาปิดที่ระดับ 13.60 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 755.52 ล้านบาท มองในระยะสั้นหุ้นยังมีลุ้นขึ้นไปทะลุแนวต้าน 13.80 บาท การวิ่งรอบนี้ทำให้เดี๊ยนเชื่ออย่างสนิทใจว่า หุ้นน่าจะทะยานขึ้นไปได้อีก เพราะยังมีแบ็กกราวด์อย่างธุรกิจถุงมือยางคอยหนุนในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ให้ผลงานไตรมาส 1 ฟื้นยังไงล่ะเจ้าคะ
*ปิดท้ายที่หุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 67.75 บาท บวกไป 3.75 บาท หรือบวกไป 5.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.13 พันล้านบาท ประโคมด้วยสตอรี่เด็ดดวงปีนี้ที่กำไรฉายแววทะลักเท่าตัวจากการรับรู้ GLOW แบบเต็ม ๆ เหลือบไปมองราคาเป้าหมายอยู่ที่ยอด 103 บาท อัพไซด์เกิน 50% หลังสะบักสะบอมจากผลงานไตรมาส 4/2562 แต่เป้าที่เห็นว่าสูงลิบ “โมนิก้า” อยากให้เผื่อใจไว้หน่อย เพราะต้องเอามาหักลบกับวิกฤตภัยแล้งด้วยนะเจ้าคะ