พาราสาวะถี
ครม.เศรษฐกิจเคาะเรียบร้อยรอครม.ชุดใหญ่ไฟเขียวก็เป็นอันเรียบร้อยกับมาตรการแจกสะบัดสไตล์เผด็จการสืบทอดอำนาจ นี่ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ได้เห็น ๆ คือเม็ดเงินคนละ 1 พันบาทเป็นเวลา 2 เดือนสำหรับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรและอาชีพอิสระ โดยตัวเลขของผู้ที่จะได้รับเงินดังกล่าว ยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในจำนวนที่ไม่น้อยกว่า 14 ล้านคน รวมทั้งหมดเป็นวงเงินเท่าไหร่ต้องไปคูณกันเอาเอง
อรชุน
ครม.เศรษฐกิจเคาะเรียบร้อยรอครม.ชุดใหญ่ไฟเขียวก็เป็นอันเรียบร้อยกับมาตรการแจกสะบัดสไตล์เผด็จการสืบทอดอำนาจ นี่ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ได้เห็น ๆ คือเม็ดเงินคนละ 1 พันบาทเป็นเวลา 2 เดือนสำหรับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรและอาชีพอิสระ โดยตัวเลขของผู้ที่จะได้รับเงินดังกล่าว ยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในจำนวนที่ไม่น้อยกว่า 14 ล้านคน รวมทั้งหมดเป็นวงเงินเท่าไหร่ต้องไปคูณกันเอาเอง
ว่ากันว่า นับตั้งแต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจำแลงแปลงกายเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทุ่มเม็ดเงินกับการแจกไปแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท กลม ๆ นับตั้งแต่ยึดอำนาจมาเกือบ 6 ปี ใช้เงินกับการซื้อใจประชาชนไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นปากก็บอกว่านักการเมืองใช้การแจกเงินเพื่อสร้างคะแนนนิยม แต่สิ่งที่ตัวเองและคณะทำไม่รู้จะเรียกว่าอะไร อ้างว่าในต่างประเทศก็ทำกัน เช่นนั้น จะไปกล่าวหารัฐบาลอื่นทำไม
คำถามที่ตามมาและสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การแจกแหลกของรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น ทำให้คนจนหายจน ทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งจริงหรือ ตัวเลขของคนยากจนที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับคำประกาศของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เคยบอกไว้เมื่อปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศ เป็นบทพิสูจน์ว่า สิ่งที่รัฐบาลเผด็จการทำต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลอำนาจสืบทอดนั้น ไม่ได้ทำให้คนมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนแต่อย่างใด รัฐบาลทำให้คนจนเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง
การอ้างปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับจีน จนกระทั่งโควิด-19 ก็ดี มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งการเที่ยวป่าวประกาศว่าตัวเลขจีดีพีไม่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ก็ทำให้เห็นถึงกึ๋นของคนที่เข้ามาบริหารประเทศโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์ เตรียมความพร้อม ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าตามคำคุยโม้โอ้อวดได้หรือไม่ ในภาวะวิกฤติคนที่มีฝีมือต้องไม่ทำให้ประเทศวิกฤติหนักตามไปด้วย
อย่างน้อย ก็น่าจะพยุงตัวหรือไม่ทรุดแย่ไปกว่าเดิม สิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้สัมผัสเวลานี้มันเป็นไปในทิศทางนั้น คือมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ถ้อยแถลงจากธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงค์ล่าสุด เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดี โดยมีการชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยนอกจากคนจนเพิ่มขึ้นแล้ว เศรษฐกิจไทยยังโตช้า และคนไทยรายได้ลด ซึ่ง พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ก็มองว่าบทวิเคราะห์ของเวิลด์แบงก์ที่เป็นเช่นนั้น น่ามาจากผู้นำและรัฐบาลขาดความรู้ความสามารถ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลิ่วล้อของคณะเผด็จการสืบทอดอำนาจ ออกมาตีโพยตีพายพร้อมดิสเครดิต “ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามางกูร ทันทีทันใด เมื่อพูดบนเวทีเสวนาของพรรคเพื่อไทยว่า รัฐบาลโง่เขลาเบาปัญญา อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปฟังสิ่งที่ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตเสนาบดีร่วมรัฐบาลคสช.ก็น่าจะเข้าใจ เพราะหม่อมอุ๋ย ฟันธงไว้ชัดเจน “รัฐบาลเผด็จการไม่มีความรู้เพียงพอในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและไม่ฟังคนที่รู้”
น่าอดสูเข้าไปอีก เมื่อหันกลับไปพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในขบวนล้อการเมืองในฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ กับอักษรย่อที่กลายเป็นแฮชแท็กฮิตในทันทีทันใด “ผนงรจตกม” อีกสิ่งที่ยังไม่ละทิ้งนิสัยเหมือนยุคเผด็จการคือ การเรียกร้องให้สื่อนำเสนอข่าวในมุมที่ตัวเองต้องการ ด้วยการอ้างประชาชนเป็นหลังพิง การบอกว่าประชาชนได้ขอให้สื่อที่ลงพาดหัวร้ายแรงในอนาคตข้างหน้าลดการนำเสนอแบบนั้นลง เพราะพออ่านข่าวก็ห่อเหี่ยวทำให้คนไม่ซื้อของ ต้องย้อนถามว่าจริงหรือ
ความจริงเรื่องอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนน่าจะไม่มีใครมาชี้นำได้ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถ้าการทำมาค้าขายดี ประชาชนมีรายได้เพียงพอ การใช้จ่ายย่อมคึกคักตามมาด้วย แต่ยามนี้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะออมมากกว่าจ่าย เพราะมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ในขณะที่รัฐบาลก็ไม่มีอะไรมาการันตีหรือกระตุ้นให้คนเกิดความมั่นใจ ทุกอย่างมันจึงอยู่ในภาวะซังกะตาย
เหมือนอย่างที่เกิดปุจฉามาตลอดเวลาเกือบ 6 ปี คนที่กอบโกย มีรายได้อู้ฟู่ในยุคของเผด็จการเรืองอำนาจและสืบทอดอำนาจคือใคร แทบจะชี้นิ้วกันได้ การลุกฮือของบรรดาเหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ระยะเริ่มแรกถูกโจมตีเพื่อหวังลดทอนความน่าเชื่อถือว่าเกิดจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ และน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลัง แต่พอเห็นการขยับกันไปทั่วประเทศ ท่าทีก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ปัจจัยแห่งการเคลื่อนไหวนั้นฝ่ายกุมอำนาจรู้ดีว่าเพราะเหตุใด
เห็นความพยายามของลิ่วล้อฝ่ายกุมอำนาจ ที่พากันโฟกัสและยัดเยียดให้การเคลื่อนไหวของบรรดานักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นแค่ประเด็นทางการเมืองและเน้นไปที่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนว่าจะเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน หรืออีกด้านก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้กระบวนการของนักศึกษาตีแผ่ ประจาน ความล้มเหลวในการบริหารประเทศของขบวนการสืบทอดอำนาจ ยิ่งถ้าตีปมความล้มเหลวในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ยิ่งจะได้แนวร่วมจำนวนมาก
อาจจะมองว่าโชคดีของรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจที่มีปัญหาโควิด-19 มาช่วยชีวิต พอที่จะถูไถลากกันไปได้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กระบวนการแก้ปัญหาด้วยการแจกแหลกและเปิดรับบริจาคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงนั้น ถือเป็นสัญญาณภาวะขาลงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้เป็นอย่างดี
เสียงเตือนจาก นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการซูเปอร์โพลคนกันเองของพลเอกประยุทธ์จึงน่าสนใจ ผู้นำรัฐบาลเสียเพื่อนแท้ไปเพราะถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่มาทีหลังเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง การที่ประกาศเดินหน้าทำอะไรแล้วถูกยี้ถูกส่ายหัวไปเสียหมด มันเป็นสิ่งบอกเหตุว่า คนส่วนใหญ่กำลังไม่ปลื้มกับแนวคิดและทิศทางของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ซึ่งนั่นหมายความว่า ในอนาคตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้ออาจจะถูกฝ่ายการเมืองทิ้งได้ทุกเมื่อ นี่แหละการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ