Black Monday (หุ้นยังลงได้อีก)
ปรากฏการณ์ Black Monday เมื่อวานนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ปรากฏการณ์ Black Monday เมื่อวานนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
และดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงต่ำกว่า 1,300 จุดนั้น
ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมายเช่นกัน
หากนักลงทุนที่เฝ้าติดตามปัจจัยเชิงลบต่อตลาดหุ้นมาตลอด ย่อมน่าจะคาดหมายได้อยู่แล้วว่า วันที่ “มืดมิด” สำหรับตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยอย่างเมื่อวานนี้นั้น
เร็ว ๆ นี้ ย่อมจะมาถึงแน่นอน
ผ่านมาถึงตอนนี้
ยังไม่มีนักวิเคราะห์คนไหน นักลงทุนคนใด
หรือแม้กระทั่งสำนักวิจัยของสถาบันการเงินต่าง ๆ จะออกมาฟันธง หรือคาดการณ์ได้ว่า จุดต่ำสุดตลาดหุ้นไทยจะอยู่ตรงไหน
เพราะเมื่อวานนี้ว่าต่ำแล้ว
วันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันถัด ๆ ไป อาจต่ำกว่า Black Monday ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ได้
ทราบกันแล้วว่า หุ้นทั่วโลก เผชิญกับไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาด
และนับวันสถานการณ์ยิ่งรุนแรงขึ้น
ก่อนหน้านี้บรรดานักวิเคราะห์ และบุคคลในวงการสาธารณสุขจากทั่วโลกต่างมองว่า เหตุการณ์ไม่น่าจะทอดเวลายาวนาน
อย่างมากอาจซัก 2-3 เดือน เช่นเดียวกับโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
แต่ผ่านมาถึงตอนนี้ชักจะไม่แน่เสียแล้ว
นักวิเคราะห์ระดับโลก ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจทอดยาวข้ามปีนี้เลยล่ะ
ส่วนอีกปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นวานนี้
คือ “สงครามราคาน้ำมัน” นั่นแหละ
หลังจากกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ หรือโอเปก และรัสเซีย จับเข่าคุยกันไม่รู้เรื่อง
ทำให้การเจรจาเรื่องการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบล้มเหลว
รัสเซียไม่ยอมปรับลดกำลังการผลิต
ส่งผลซาอุฯ สั่งดั๊มพ์ราคาน้ำมัน (ดิบ) ซะเลย
หุ้นทั่วโลกที่กำลังบาดเจ็บจากไวรัสโควิด-19 จึงถูกกินแบบ 2 เด้ง เละเทะอย่างที่เห็น
เรื่องน้ำมันนี้เชื่อว่า ในที่สุดแล้ว กลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้อง น่าจะกลับมาปูเสื่อจับเข่าคุยกันได้
แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น
เพราะไม่เช่นนั้น จะบาดเจ็บ ได้รับผลกระทบกันทุกฝ่าย
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยกันต่อ
ของเราค่อนข้างลงหนักมากกว่าในประเทศเอเชีย
เหตุมาจากหุ้นอย่าง “พี่ปอ” หรือ PTT (บมจ.ปตท) ที่มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 1 ของตลาดหุ้นไทย (1.07 ล้านล้านบาท) ดิ่งลงอย่างหนัก
เช่นเดียวกับอภิชาตบุตรของพี่ปอคือ PTTEP หรือ พี่เทพ (มาร์เก็ตแคป 4.22 แสนล้านบาท) ร่วงเกือบ 30%
สรุปง่าย ๆ ว่า ตลาดหุ้นบ้านเรานั้น กลุ่มน้ำมันที่มีมาร์เก็ตแคปมากสุด หุ้นร่วงหนักทุกตัว
และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่ SCB BBL KBANK KTB วูบลงหนักเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น
หุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปมากสุดเป็นอันดับ 3 คือ CPALL (6.22 ล้านบาท ณ 6 มี.ค. 63) ได้ร่วงลงกว่า 7.94%
เหตุเพราะนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเข้าซื้อ เทสโก้ โลตัส
เพราะมองว่า CPALL น่าจะใช้เงินจำนวนมาก จนส่งผลต่อ หนี้สินต่อทุนที่เพิ่มขึ้นจากการกู้เงินเพิ่ม
รวมถึงสภาพคล่องหรือเงินสดอาจจะปรับลดลง
สรุปแล้ว ภาพรวมตลาดหุ้นไทย จึงโดนทั้งหมด 3 เด้ง (ไวรัสฯ ราคาน้ำมัน และกรณี CPALL)
ขณะกำลังเขียนต้นฉบับ
ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงต่อเนื่อง
ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์ก็ปรับลงไปแล้วอีก 1 พันจุด
ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ แม้จะมีการมองกันว่า ลงมาค่อนข้างถูกแล้ว และหุ้นหลาย ๆ ตัวราคาลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
แต่เมื่อปัจจัยลบที่หาจุดสิ้นสุดยังไม่ได้
ย่อมทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นนั้น
มีโอกาสที่จะถูกขายออกจากพอร์ตต่อไป