พาราสาวะถี
ร้อนแรงแซงหน้าปัญหาโควิด-19 กันเลยทีเดียวกับ กระแสข่าวแชทไลน์หลุดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลุ่มส.ส.เสียงข้างน้อย 17 เสียง ซึ่งลงมติให้โหวตไม่ไว้วางใจ ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสนอให้พรรคเก่าแก่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากประเด็นข่าวคนใกล้ชิดติดตามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น จนเป็นเหตุให้ท่านผู้นำให้สัมภาษณ์ไล่ปชป.ถอนตัวจากรัฐบาลก่อนการประชุมครม.
อรชุน
ร้อนแรงแซงหน้าปัญหาโควิด-19 กันเลยทีเดียวกับ กระแสข่าวแชทไลน์หลุดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลุ่มส.ส.เสียงข้างน้อย 17 เสียง ซึ่งลงมติให้โหวตไม่ไว้วางใจ ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสนอให้พรรคเก่าแก่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากประเด็นข่าวคนใกล้ชิดติดตามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น จนเป็นเหตุให้ท่านผู้นำให้สัมภาษณ์ไล่ปชป.ถอนตัวจากรัฐบาลก่อนการประชุมครม.
แต่หลังการประชุมครม.ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็รีบขอโทษขอโพย โดยอ้างว่านักข่าวถามเร็วตนจึงตอบไปแบบรวดเร็วไม่ทันได้คิด ก่อนที่จะออกตัวต่อว่า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคเก่าแก่รับจะไปเคลียร์กับส.ส.ของพรรคเอง ทว่าท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนที่จะออกมาแก้ตัวนั้น เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า ไม่ได้ง้อพรรคเก่าแก่ ประหนึ่งว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า คงอยู่ที่คนของพรรคแม่พระธรณีบีบมวยผมว่าจะรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่ท่านผู้นำแสดงออก
ต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า ภาพลักษณ์ของรัฐบาลตั้งแต่เริ่มต้นนั้นหาได้เป็นที่ยอมรับและกองเชียร์ของพรรคจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้สนับสนุนกับการไปอุ้มสมเผด็จการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น คำกล่าวของส.ส.พรรคเก่าแก่บางคนที่ว่า “อย่าพายเรือให้โจรนั่ง” มันจึงน่าจะมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่เห็นว่า การเข้าร่วมรัฐบาลเที่ยวนี้หาได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อพรรคไม่ มีเพียงอย่างเดียวที่จะได้รับคือ การสะสมผลงานและกระสุนดินดำไว้ใช้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เมื่อถึงเวลานั้น ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตสำหรับพรรคเก่าแก่อยู่เหมือนกัน จะยังคงเหลือส.ส.ที่ยึดครองพื้นที่อยู่ในเวลานี้อีกกี่มากน้อย เพราะพรรคสืบทอดอำนาจนั้นไม่ได้หยุดที่จะดึงคนกันเองไปร่วมสร้างฐานเสียงของตัวเอง ขณะเดียวกัน พวกที่เคยอยู่พรรคเดียวกันแล้วไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เล็งที่จะดึงคนในสายไปใช้สีเสื้อใหม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคอยู่เหมือนกันว่า การเดินไปในท่วงทำนองเช่นนี้จะคุ้มค่าหรือไม่
ประเด็นอันเกิดจากปัญหาของธรรมนัสนั้น ไม่ได้ส่งผลเฉพาะท่าทีจากเพื่อนร่วมรัฐบาลเท่านั้น ภายในพรรคสืบทอดอำนาจเองก็เกิดเป็นความขัดแย้งกันอยู่เหมือนกัน เมื่อในกลุ่มไลน์ของพรรคมีการโต้ตอบกันไปมาระหว่าง สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.ที่ออกมาไล่ส่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของพรรค กับ ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เด็กในสังกัดธรรมนัสที่ย้ายคอกมาจากเพื่อไทย โดยรายหลังย้อนถามไปถึงคนออกมาไล่รัฐมนตรีว่าที่แจกหน้ากากปลอม ไร้คุณภาพไม่คิดจะลาออกบ้างหรือ
ทำให้สิระต้องออกมาตอบโต้ว่าเป็นเงินส่วนตัวที่หวังดีเพื่อประชาชน ก่อนจะย้อนไปถึงการเลือกตั้งซ่อมส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 ที่ระบุว่าไผ่ไม่ได้ส่งคนไปช่วย สุดท้ายจึงเกิดการท้าทายจากส.ส.เมืองกล้วยไข่ให้ลาออกจากส.ส.ด้วยกันทั้งคู่ แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งเจอไม้นี้เข้าไปทำให้ส.ส.กทม.จอมกร่างไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะรู้ดีว่าถ้าเลือกตั้งใหม่นั้นในพื้นที่เมืองหลวง พรรคสืบทอดอำนาจใช่ว่าจะมีโอกาสกลับมาได้เหมือนต่างจังหวัด
สุดท้าย จึงกลายเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในพรรคสืบทอดอำนาจต้องมาเคลียร์ แต่ประเด็นนี้ไม่ได้มองแค่เป็นความขัดแย้งส่วนตัวเท่านั้น เพราะลึกลงไปเห็นได้ชัดเจนว่าสิระนั้นอยู่ในมุ้งสามมิตร ที่มีข่าวว่าผลักดันให้ “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มได้นั่งเก้าอี้เสนาบดีในการปรับครม.ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการกระทุ้งให้ปลดธรรมนัส จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่านี่คือการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งอ้างทำเพื่อพรรคและทำให้ลูกพี่ในกลุ่มที่ตัวเองสังกัดสมประโยชน์ไปในตัวด้วย
กลเกมการเมืองว่าด้วยเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร เชื่อได้ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสัมผัสมาแล้วเมื่อคราวฟอร์มรัฐบาลหลังเลือกตั้ง แต่ครั้งนั้น ยังมีเครื่องมือหรือหัวเชื้อที่ว่าด้วยอำนาจของผู้นำเผด็จการมาขู่บังคับให้ยอมจำนนกันได้ เมื่อเวลาทางการเมืองผ่านพ้นช่วงเวลาบริหารไปนานจวบจนจะครบขวบปีแล้ว นักการเมืองที่ความอดทนจำกัดมักจะแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น ยิ่งมีประเด็นให้เล่นงานได้ ก็จะไม่สนว่าคนที่ตกเป็นเป้าจะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่
จะบอกว่าการเมืองสามานย์ก็คงใช่ แต่ผู้ที่ใช้อำนาจนั้นก็ใช้วิธีการสามานย์เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งกันอยู่เหมือนกัน สรุปได้ว่าพอกัน มันจึงอยู่ที่ว่าใครจะสามานย์ได้มากกว่ากัน การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจใช้จังหวะของการแก้ปัญหาโควิด-19 มาดึงจังหวะในการปรับครม.ออกไป ทำท่าว่าจะช่วยให้หายใจปลอดโปร่งได้เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าจะวิกฤติในทางการเมืองกับเกิดวิกฤติที่มากกว่า
จึงอยู่ที่ว่าจะเลือกใช้วิธีการบริหารจัดการอย่างไร ปล่อยให้แต่ละพรรคไปสะสางกันเอาเอง แล้วก็แกล้ง ๆ ลืมกันไป หรือถึงเวลาต้องเขย่าเพื่อขยับให้เกิดความพอใจของทุกฝ่าย หากอ้างปมโควิด-19 เกรงว่าท่านผู้นำและคณะจะมีอันเป็นไปก่อนที่สถานการณ์ของโรคไวรัสร้ายนี้จะสร่างซา แผลที่ถูกเปิดย่อมเป็นช่องให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เล่นงานได้ และแก้วระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่มันร้าว ก็เชื่อว่าน่าจะยากที่จะประสานให้มันเหมือนเดิมได้
ส่วนความเป็นไปได้ที่บอกว่าประชาธิปัตย์จะถอนยวงจากรัฐบาลประยุทธ์ แล้วหันไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลนั้น คงเป็นไปได้ยากหากพรรคพันธมิตรอย่างภูมิใจไทยไม่ยอมสละเรือ (เหล็ก) ไปร่วมก๊วนด้วย ซึ่งจับอาการของ อนุทิน ชาญวีรกูล และชาวคณะ สถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันถือว่าเป็นไปด้วยดีแล้ว ไม่เห็นจะต้องดิ้นรนไปเพื่ออะไร ส่วนเสียงวิจารณ์เรื่องความสามารถในการแก้ปัญหาโควิด-19 แกล้งหูทวนลมเสียอย่าง เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป
ขณะเดียวกัน ภายในพรรคนายใหญ่เองวันนี้ปมขัดแย้งก็ไม่มีทีท่าว่าจะยุติ กรณีของเจ๊ใหญ่กับใครต่อใครหลายคนในพรรค นอกจากจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว นับวันดูท่าว่าจะหนักข้อไปเรื่อย ๆ ถึงขนาดที่ว่าบรรดาสื่อที่ติดตามพรรคของคนแดนไกล พากันเบือนหน้าหนีความเจ้ากี้เจ้าการของเจ๊กันเป็นแถว นี่ก็ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จังหวะที่ภายในรัฐบาลมีปัญหา ปรากฏว่าพรรคแกนนำฝ่ายค้านก็มีปัญหาตามไปด้วย และดูท่าว่าจะหนักหน่วงกว่าฝ่ายกุมอำนาจเสียด้วยซ้ำ