พาราสาวะถี
ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดผ่านโซเชียลมีเดียตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เรื่องการประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 ในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายหน่วยงานต้องออกมาแถลงข่าวพร้อมแถลงการณ์ปฏิเสธ จน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน พร้อม ๆ กับการประกาศตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยที่ท่านผู้นำนั่งบัญชาการด้วยตัวเอง
อรชุน
ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดผ่านโซเชียลมีเดียตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เรื่องการประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 ในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายหน่วยงานต้องออกมาแถลงข่าวพร้อมแถลงการณ์ปฏิเสธ จน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน พร้อม ๆ กับการประกาศตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยที่ท่านผู้นำนั่งบัญชาการด้วยตัวเอง
สิ่งที่สรุปได้จากที่ประชุมคือ มีมติให้ยกเลิกการขอวีซ่าฟรีแก่ ฮ่องกง อิตาลี เกาหลีใต้ และยกเลิกการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือ Visa on Arrival กับ 18 ประเทศและเขตเศรษฐกิจพิเศษไต้หวัน เป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปสู่ระยะที่ 3 โดยที่ท่านผู้นำยืนยันว่า วันนี้ประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 พร้อมกับการขอร้องผู้สื่อข่าวสายการเมืองช่วงนี้อย่ามาถามเรื่องการเมืองอะไรกับตน เอาบ้านเมืองไว้ก่อน
คนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ดี เพราะสถานการณ์วันนี้ ไม่ใช่เฉพาะประเด็นผีน้อยจากเกาหลีใต้ที่มีทั้งเดินทางมาก่อนรัฐบาลจะออกมาตรการเข้มข้น รวมทั้งพวกที่หลบหนีการกักตัวภายหลังมีประกาศมาตรการเด็ดขาดแล้วก็ตาม เนื่องจากยังมีปัญหาคนไทยที่ติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากอิตาลีซึ่งถือเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดหนักเป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน นอกนั้นยังพบคนที่เดินทางไปในอีกหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวเช่นกัน
นั่นหมายความว่า สถานการณ์มีแนวโน้มว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดเหมือนในต่างประเทศ เพราะคนไทยที่หลั่งไหลเข้ามามาก แต่ก็ยังคงฝากความหวังไว้กับฝ่ายปฏิบัติที่เชื่อว่ายังคงรักษามาตรฐานได้ดี สิ่งที่เห็นคือในช่วงต้นของการระบาดประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในลำดับ 2 ของโลก แต่ตอนนี้อยู่ในลำดับที่ 32 นี่คือความสามารถและมาตรฐานที่ทำกันมาโดยตลอด ซึ่ง วิษณุ เครืองาม ยืนยันว่า ตัวเลขที่ปรากฏนั้นไม่ใช่ตัวเลขมั่ว ๆ ชุ่ย ๆ หรือปกปิดแต่อย่างใด
คงเอาใจช่วยพร้อมภาวนากันว่าขออย่าให้สถานการณ์มันเลวร้ายถึงขนาดนั้น แต่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดที่มีจำนวน 6 คนนั้น มีหนึ่งรายเป็นเจ้าหน้าที่ตม.ที่ปฏิบัติงาน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่รู้ว่ารับเชื้อมาจากช่องทางใด แต่ก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง เนื่องจากใกล้ชิดกับพื้นที่ซึ่งมีการเฝ้าระวัง ดังนั้น คนทั่วไปเวลานี้สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำคือกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนที่มีคนเยอะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือไปด้วย
เหล่านี้คือ มาตรการป้องกันตัวเอง โชคดีอย่างหนึ่งที่ว่าประเทศไทยเวลานี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไวรัสไม่ชอบ จึงพอจะเบาใจได้ว่าจะเป็นปัจจัยในการชะลอการแพร่ระบาดได้ ขณะเดียวกัน คงต้องช่วยกันตรวจตรา สอดส่องสำหรับคนไทยที่ไร้จิตสำนึก เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แล้วหลีกเลี่ยงกระบวนการของฝ่ายรัฐ รวมทั้งไม่ยอมกักตัวเอง ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะการจะแพร่ระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 นั้น ปัจจัยหลักก็เกิดจากคนเหล่านี้
ขณะที่รัฐบาลยกระดับมาตรการดูแลปัญหานี้กันอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาล กลับไม่ได้อินังขังขอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ปมปัญหาจากการกักตุนหน้ากากอนามัยของคนใกล้ชิดรัฐมนตรีภายในพรรคสืบทอดอำนาจ เป็นประเด็นหลักที่ยังคงเปิดศึกกันของส.ส.สองฝ่าย แม้ว่าคนโตในพรรคอย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จะยกหูห้ามทัพแล้ว แต่ก็พบว่ายังไม่เลิกราต่อกัน นั่นคงเป็นเพราะอีกฝ่ายมองเห็นแล้วว่า ยังคงมีเหลือบที่เข้ามาหากินบนความเดือดร้อนของประชาชน
แม้จะมีความพยายามทำให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นข่าวไม่ใช่เรื่องจริง มีคนยอมเป็นแพะ แต่ขบวนการหากินบนความเดือดร้อนของคนไทยนั้น มันคงปิดกันไม่มิด หากไม่เป็นจริง คนกันเองก็คงต้องเลิกตีไปแล้ว ไม่ออกมาทวงถามถึงความรับผิดชอบจากอีกฝั่ง และคงไม่ใช่แค่การเลื่อยขาเก้าอี้เพื่อให้แกนนำของฝ่ายที่ตัวเองถือหางได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง วิธีสามานย์เช่นนี้มันดูเขลาไปในทันทีในสถานการณ์เช่นนี้ แต่มันต้องมีเชื้อที่ทำให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของพวกแสวงหาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อ
กรณีนี้อยู่ที่ความเด็ดขาดของท่านผู้นำ จะกล้าฟันคนที่เป็นตัวถ่วงและทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหายหรือไม่ หากยังเกรงใจกันก็ต้องไม่ปกป้องพวกที่เป็นมือไม้ไปทำมาหากินกัน การจะจบเรื่องด้วยเหตุผลแค่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หน้ากากที่กักตุนไม่มีอยู่จริง ตำรวจไปตรวจสอบแล้วไม่พบ ไม่น่าจะเป็นทางออกและไม่คิดว่าประชาชนจะเชื่อตามที่กล่าวอ้างกัน พึงระวังให้ดีในยามที่ความนิยมลดต่ำ หลักฐานบางอย่างอาจจะผุดขึ้นโดยไม่คาดคิดก็เป็นได้ อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองอีกด้านต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสร้ายที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งหมดไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงหากฝ่ายบริหารมีฝีมือ เพราะฝ่ายปฏิบัติของไทยนั้นได้รับการยอมรับในระดับสากลอยู่แล้วว่ามีความเป็นมืออาชีพ สิ่งที่ห่วงกันคือฝ่ายการเมืองของคณะเผด็จการสืบทอดอำนาจจะใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นเกราะกำบัง ปกป้องวิกฤติทางการเมืองของตัวเองมากกว่า ซึ่งนั่นเท่ากับว่า กำลังจะใช้ความเป็นความตายของประชาชนมาเป็นเครื่องมือเพื่อการอยู่ต่อในอำนาจของตัวเอง
หากเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าเป็นความอำมหิตอย่างยิ่งและคงไม่มีใครยอมรับได้ เพื่อความเป็นธรรม จึงยังมองคำร้องขอของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ห้ามนักข่าวการเมืองถามเรื่องการเมืองเวลานี้ เป็นเรื่องของความตั้งใจจริง ที่จะรวบรวมสมาธิ ใช้สติปัญญาที่มีทั้งหมด เพื่อขจัดปัดเป่าดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนไทยให้ถึงที่สุด ถ้าผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้โดยดี เมื่อถึงเวลานั้นความเชื่อมั่นของท่านผู้นำก็จะกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งที่ต้องควบคู่กันไปกับการเฝ้าระวังคือ ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาดและราคาสูงเกินจริง ที่ท่านผู้นำและฝ่ายที่เกี่ยวข้องอธิบายมานั้น ยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่ามันมีปัญหาเช่นนั้นจนยากที่จะแก้ไขได้จริง ความจริงจังที่จะจำกัดการแพร่ระบาดของโรคต้องควบคู่ไปกับการมีเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันสำหรับประชาชนที่พร้อมสรรพ วันนี้ ถ้ายังแก้ปัญหานี้ไม่ตกความเชื่อถือเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลกับการสู้ศึกโควิด-19 ก็ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามต่อไป