วัดใจที่ 1,000 จุด
อย่างที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
อย่างที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้
ผ่านมาถึงตอนนี้ ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนบอกได้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลงไปจุดต่ำสุดที่ตรงไหน
แม้ว่าในช่วง 2-3 วันนี้ เราจะใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ หรือพักการซื้อขาย (30 นาที) ไป 2 ครั้งแล้วก็ตาม
นั่นเพราะ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดออกไปอย่างหนักในกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐฯ
ส่วนประเทศจีน และเกาหลีใต้ ล่าสุด ตัวเลขเริ่มนิ่ง ๆ ล่ะ
ส่วนของประเทศไทย ยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
ท่ามกลางความผิดหวังของประชาชนที่มองว่า รัฐบาลยังมีมาตรการที่ไม่เข้มงวดเพียงพอในการสกัดกั้นการแพร่ระบาด
ส่วนตัวนั้นก็ยัง (แอบ) สงสัย อยู่เหมือนกันว่า เหตุใดเราจึงไม่ใช้มาตรการแบบ “เคอร์ฟิว” ไปเลยล่ะ
จะประกาศเคอร์ฟิวไปซัก 14-15 วัน ก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายมากนักหรอก
ย้อนกลับมาที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย
อย่างเมื่อวานนี้แม้จะปิดลบ 82.83 จุด (ปิด 1,046.08 จุด)
แต่มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ นักลงทุนสถาบัน และรายย่อย มีการซื้อสุทธิ
ประเด็นของรายย่อยนั้นส่วนหนึ่ง (หรืออาจจะหลัก ๆ) น่าจะยังเป็นการซื้อเพื่อถัวเฉลี่ย (ที่ยังขาดทุนหุ้นตัวนั้น ๆ) สำหรับนักลงทุนที่ยังมีกระสุนเหลืออยู่บ้าง
แต่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเป็นวันที่สองติดต่อกัน
จากข้อมูลที่หามาได้
ก่อนหน้านี้มีกองทุนขายหุ้นออกมานั้น
1.มาจากกลุ่มไพรเวทฟันด์ หรือกองทุนส่วนบุคคลของนักลงทุนรายใหญ่ที่สั่งให้กองทุนขาย และนำเงินไปพักในตราสารหนี้
2.มาจากรายย่อยทั่วไปที่ซื้อหุ้นผ่านกองทุน แล้วขายหน่วยลงทุนออกมา ทำให้กองทุนต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินไปคืนให้กับคนซื้อหน่วยลงทุนไว้
และ 3.กลุ่มนักลงทุนที่ขายหุ้น (แบบแพนิก) เริ่มเบาบางลงล่ะ
สรุป มีการมองกันว่า การขายหุ้นแบบแพนิกแรง ๆ อย่างที่ผ่านมานั้น
เริ่มใกล้จะสะเด็ดน้ำแล้ว
ดังนั้น หากจะเห็นดัชนีหุ้นลงอีก ก็ไม่น่าลงไปลึกเกินกว่าที่เคยลงไปก่อนหน้านี้
หรือหากจะลงไปต่ำกว่านั้นอีก
แนวรับบริเวณ 900–920 จุด(+/-) น่าจะรับไหว
เพียงแต่ว่า หากมีการลงไปที่ระดับนี้ ก็น่าจะค่อย ๆ ปรับลงไป เพราะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังมีอยู่
หากยังมีแรงซื้อจากกองทุน และรายย่อย (ที่มีกระสุนเหลือ) กรอบดัชนีจะอยู่บริเวณ 1,000 จุด(+/-)
อย่างวันที่ดัชนีลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด เมื่อวันศุกร์ จะพบว่า มีแรงเข้ามารับซื้อจำนวนมาก จากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย แสดงให้เห็นว่า แนวระดับ 1,000 จุด น่าจะเป็นแนว (รับ) แรกที่พอยันไปได้ระดับหนึ่ง
เว้นแต่สถานการณ์เลวร้ายมากกว่าก่อนหน้านี้
ก็คงลงไปเล่นกันบริเวณ 920 จุด นั่นแหละ
มีนักวิเคราะห์ประเมินว่า ประเทศจีนใช้เวลาราว ๆ 1 เดือนในการสกัดไวรัสฯ
ส่วนของเกาหลีเอง ผ่านมาเกือบ 1 เดือน ตัวเลขเริ่มจะนิ่ง ๆ แล้ว
ส่วนของญี่ปุ่นประกาศเดินหน้าจัดการแข่งขันโอลิมปิก ก็เชื่อว่า ทางการของเขาน่าจะมีแผนและมองเห็นผลลัพธ์ของการสกัดไวรัสฯ ล่าสุด
เช่นเดียวกับยุโรป ที่ถูกประเมินไว้เช่นกันว่า บรรดามหาอำนาจทางเศรษฐกิจเหล่านี้
พวกเขาไม่น่าจะปล่อยปัญหาให้ลามไปมากกว่า 1 เดือนแน่นอน
ดั่งจะเห็นว่าหลายประเทศเริ่มใช้มาตรการแรง เช่นเดียวกับที่จีนและเกาหลีใต้นำมาใช้
ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้
มีโอกาสที่จะเป็นเทคนิเคิลรีบาวด์
และขณะเดียวกัน ก็ยังมีโอกาสที่จะร่วงลงไปต่อได้