ฝรั่งกระหน่ำ
*หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นมาหลังจากรูดไปหนัก ๆ มักจะทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสุดท้ายมักจบลงด้วยการฝันค้างกลางอากาศอยู่เป็นประจำจนหลายคนไม่อยากคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นแนวคิดการลงทุนที่ใช้ได้ดีท่ามกลางบรรยากาศที่ยังขมุกขมัว เนื่องจากการเคลื่อนไหววานนี้ดัชนีพุ่งไปถึง 1,076.16 จุด แล้วลงมาป้วนเปี้ยนแถว ๆ 1,050 จุดอีกครั้ง สุดท้ายมาปิดที่ 1,048.15 จุด บวกได้เพียง 12.98 จุด แสดงให้เห็นว่าต้องปรับตัวให้ไว คอยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นมาหลังจากรูดไปหนัก ๆ มักจะทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสุดท้ายมักจบลงด้วยการฝันค้างกลางอากาศอยู่เป็นประจำจนหลายคนไม่อยากคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นแนวคิดการลงทุนที่ใช้ได้ดีท่ามกลางบรรยากาศที่ยังขมุกขมัว เนื่องจากการเคลื่อนไหววานนี้ดัชนีพุ่งไปถึง 1,076.16 จุด แล้วลงมาป้วนเปี้ยนแถว ๆ 1,050 จุดอีกครั้ง สุดท้ายมาปิดที่ 1,048.15 จุด บวกได้เพียง 12.98 จุด แสดงให้เห็นว่าต้องปรับตัวให้ไว คอยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันพะยะค่ะ
*สาเหตุที่ทำให้คิดเช่นนั้น เป็นเพราะได้เห็นหุ้นตัวเดิม ๆ ที่ถูกขายมาพักใหญ่ ๆ กลับมาไล่ราคากันระเบิดเถิดเทิงก่อนจะเริ่มสาดทิ้งทีละน้อย รวมทั้งหุ้นหน้าใหม่ก็มีการเข้ามาปั่นกระแสกันอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” ถือเป็นอารมณ์ที่ต้องขบคิดกันให้มากเสียหน่อยก่อนเคาะขวา เพราะการดูสตอรี่ที่เป็นสาเหตุให้หุ้นขึ้นนั้น ยังคงใช้ได้ดีในช่วงหุ้นผันผวน ถือเป็นการเปิดทางเลือกก่อนจะกระโจนเข้าใส่กันอีกรอบยังไงล่ะเจ้าคะ
*อีกประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ยังคงสนับสนุนให้เหล่านักเล่นต้องเผื่อใจเอาไว้ก่อน เพราะนักลงทุนต่างชาติยังทำหน้าที่เป็นผู้ขายหลัก ผสมโรงด้วยความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ดังนั้นการปรับตัวขึ้นในรอบนี้จึงยังไม่ใช่สัญญานที่ดีเท่าไหร่นัก เห็นได้จากที่ผ่าน ๆ มาแล้วคิดดูแล้วกัน ?…ว่าตลาดหุ้นนับตั้งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้ลงมาทั้งหมดกี่จุด!!
*ในรายของ AOT เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดที่สุด ไล่เรียงจากการเปิดตัวสวย พลิกกลับมาบวกให้นักเล่นได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ภาคบ่ายกลับมีแต่แรงขายออกมาทะลักทะลวง ทำเอาหุ้นพลิกกลับมาลบ และจมที่ระดับ 49 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.57 พันล้านบาท ถือเป็นจุดที่ “โมนิก้า” อยากจะชี้ให้เห็นว่าหากปัจจัยลบยังคาราคาซังแถมส่อแววจะยืดเยื้อ การวิ่งขึ้นแบบฝืนธรรมชาติ จุดจบมักจะไม่สวยเจ้าค่ะ
*ส่วน WORK วานนี้ราคาพุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.05 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 14.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36.15 ล้านบาท หลังราคารูดกราวถึง 43.32% ภายในสัปดาห์เดียว การฟื้นตัวในลักษณะแบบนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าไว้ใจนัก เพราะพื้นฐานยังคงน่ากังวลในทุก ๆ ด้าน เอาเป็นว่า “โมนิก้า” ขอรอดูแบบเกาะติดขอบสนามเพื่อความปลอดภัยจะดีกว่าเจ้าค่ะ…อิอิ
*หุ้นอีกตัวที่มีคนจับตาเป็นพิเศษตลอดเวลา คงหนีไม่พ้น BAM ซึ่งคงต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวรอบนี้ล่อหน้าล่อตาเสียเหลือเกิน การที่ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่า 20 บาทอยู่หลายวัน ทำให้สงสัยว่าเที่ยวนี้จะฝ่ากระแสขึ้นไปที่จุดเดิมได้อีกครั้งหรือเปล่า ? หากเป็นดังเช่นที่คิดไว้จริง ๆ จังหวะนี้ต้องรีบกระโจนเข้าใส่ทันที…เพราะราคาหุ้นที่ลงมาปิดที่ระดับ 16.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.66 พันล้านบาท ยังถือว่าไม่แพงเจ้าค่ะ
*ต่อเนื่องด้วยราคาหุ้น ADVANC ลอยตัวเหนือสถานการณ์แพร่ระบาด “โควิด-19” ที่กระทบชาวบ้านชาวช่องไปทุกสารทิศ แต่กลับเป็นผลดีกับการใช้ DATA เพิ่มขึ้น แถมปันผลยังล่อตา จึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นจะเด้งแรงขึ้นมาปิดที่ 180 บาท บวกไป 7.50 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.15 พันล้านบาท งานนี้ขอบอกว่า “Work form Home” ช่วยเหลือชีวิตจริง ๆ เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับ TRUE นอกจากราคาวิ่งติดจรวด หนุนด้วยสัญญาณเทคนิคจนขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.78 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 13.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 841.16 ล้านบาท แล้วยังมีการปรับตัวที่เข้ากับสถานการณ์บ้านเราแบบสุด ๆ ด้วยการออก “ซิมกักตัว ไม่กลัวเหงา” เดี๊ยนถึงต้องออกปากชมมาร์เก็ตติ้งที่รู้จักฉกฉวยโอกาสในช่วงวิกฤตออกมาได้ทันท่วงทีแบบนี้ หากไม่มีเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดเพดาน Ceiling แค่ 15% คงได้เห็นหุ้นวิ่งทะลุทะลวงแน่…ว่าไหมเจ้าคะ
*ส่วน BGRIM เป็นหุ้นอีกตัวที่ก่อนหน้านี้ราคาลงลึกต่ำกว่าพื้นฐานไปมาก ล่าสุดเปิดข่าวดีข่าวใหม่ด้วยการปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้า 123 MW เข้ามาหนุนกำลังผลิตแบบรัว ๆ นักวิเคราะห์หลายสถาบันดีดลูกคิดอัพราคาเป้าหมายกันใหม่พรึ่บพรั่บ ราคาหุ้นถึงได้พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 35.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าคะ
*ส่วนในรายของ TQM ราคาหุ้นยังคงท็อปฟอร์มรับธุรกิจประกันที่ดูเหมือนจะตอบสนองต่อความต้องการของคนอย่างเหมาะเจาะเป็นที่สุดในเวลานี้ ถึงยังได้เห็นแรงซื้อเข้ามาผลักราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 56.50 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 216.28 ล้านบาท แว่วว่ากำไรไตรมาส 1 ยาวไปถึงไตรมาส 2 จะออกมาโดดเด่นตามยอดขายกรมธรรม์เจ้าค่ะ
*ปิดท้ายที่ TU เป็นอีกหุ้นที่ราคาลงไปลึกเกินต้านทานจนผู้บริหารทำตามสูตรซื้อหุ้นคืนด้วยงบ 3 พันล้านบาท ทำเอาหุ้นวิ่งมาปิดที่ 13.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 256.30 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าหุ้นจะตอบรับในเชิงบวกไปได้อีกพักใหญ่ เพราะยังมีจุดแข็งที่เรียกว่าปัจจัยเฉพาะตัวเรื่องการกักตุนอาหาร ตบท้ายด้วยสัญญาณเทคนิคเชิงบวก การเคลื่อนไหวรอบนี้มันจึงน่าตามไปดูต่อจริง ๆ เจ้าค่ะ