พาราสาวะถี

อรชุน

เข้าใจตรงกันนะ เหตุผลที่ยังไม่ปิดประเทศ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันวานที่กระทรวงสาธารณสุข กรณีคนเดินทางมาจากต่างประเทศจะเข้าประเทศไทยต้องมีใบรับรองแพทย์ ส่วนรอบประเทศก็มีความเกี่ยวข้องกับผู้ว่าราชการจังหวัด จะปิดช่องทางพรมแดนหรือไม่ อยู่ที่อำนาจผู้ว่าฯ เพราะได้ให้อำนาจไปแล้ว และให้รายงานตนมา พร้อมด้วยคำขู่ตามมาว่า หากผู้ว่าฯ ทำไม่ได้ก็ย้ายผู้ว่าฯ จะยากตรงไหน

กลายเป็นเผือกร้อนของพ่อเมืองทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้านไปเสียฉิบ แต่คนก็ยังไม่เลิกสงสัยเพราะได้มีคนไทยที่เดินทางไปชมคอนเสิร์ตที่ประเทศสเปน เดินทางกลับประเทศไทยแล้วโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราเข้มข้นในจุดคัดกรองแต่อย่างใด เข้ามาได้แบบง่าย ๆ ร้อนถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงสาธารณสุข ต้องประสานเสียงชี้แจง

ทั้งหมดยืนยันตรงกันว่า ระบบที่วางไว้มีการตรวจสอบด้วยเครื่องสแกนตรวจวัดอุณหภูมิที่ถ้าไม่สังเกตกันจริง ๆจะไม่รู้สึกว่าถูกตรวจสอบ ขณะเดียวกันก็บอกว่าสเปนไม่ใช่ประเทศที่ถูกประกาศว่าเป็นประเทศที่เสี่ยงติดโรคติดต่ออันตราย แน่นอนว่า พอข่าวกระจายไปเช่นนี้ ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนจำนวนไม่น้อย ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้คงต้องให้ความไว้วางใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนว่า ได้วางมาตรการต่าง ๆไว้อย่างรัดกุมดีแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุขมีการดำเนินการคัดกรองโรคไวรัสโควิด-19 เป็นไปตามมาตรฐานทุกประการ และจากนี้ไปทุกหน่วยงาน ผู้ที่เดินทางที่มาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคนไทย หรือต่างชาติ ต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงภายใน 3 วัน มีการทำประกันหลักประกันสุขภาพไม่ต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ

โดยต้องแสดงก่อนขึ้นเครื่องเดินทางมาประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงไทย ต้องดำเนินการตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด โดยมาตรการดังกล่าวจะเข้มงวดกับผู้เดินทางมาจากทุกประเทศไม่เฉพาะ 4 ประเทศที่ได้มีการประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายก่อนหน้านั้น แต่ก็ดูเหมือนว่า มาตรการที่ออกมา ไม่น่าจะหยุดยั้งความหวั่นวิตกของคนในประเทศเวลานี้ได้ เพราะการแถลงข่าวตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ได้สร้างความหวั่นไหวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อวันเดียวทะลุไปถึง 60 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมานั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เคยน้อยกว่า 30 ราย แม้ในถ้อยแถลงจะชี้แจงว่า การพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากนั้นเกิดจากมาตรการสอบสวนโรคและเป็นกลุ่มก้อนที่อยู่ในสถานที่ที่พบผู้ติดเชื้อก่อนหน้า ที่คนอดตั้งคำถามไม่ได้คือ แล้วคนเหล่านั้น ในช่วงที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ได้เดินทางไปไหน พบปะกับใครแล้วหรือไม่ การสอบสวนโรคขยายผลได้ครอบคลุมขนาดไหน

เหล่านี้คือความเสี่ยง และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่มีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องมาตรการปิดเมือง ปิดประเทศ โดยที่ภาครัฐต้องหามาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด เพราะหากปล่อยไปเช่นนี้ คนยังคงสามารถเดินทาง พบปะกันจำนวนมาก ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการแพร่เชื้อและรับเชื้อได้ในวงกว้างมากที่สุด แม้จะมีการขอความร่วมมือในเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่ห่างกันไม่น้อยกว่า 2 เมตร ที่ต้องถามกันตรง ๆ ว่าความเป็นจริงแล้วทำได้เช่นนั้นหรือไม่

ยิ่งเวลานี้มีประเด็นตำรวจติดตามของ อุตตม สาวนายน ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งไม่ต้องไปขยายความต่อถึงการใช้ชีวิตของตำรวจติดตามรัฐมนตรีว่าติดมาจากสถานบันเทิงหรูย่านทองหล่อ แต่คำถามที่คนอยากรู้คือแล้วรัฐมนตรีคลังติดเชื้อจากนายตำรวจรายนี้ด้วยหรือไม่ โชคดีเบื้องต้นที่ผลตรวจล่าสุดพบว่าอุตตมไม่ติดเชื้อดังกล่าว แม้จะไม่ติดก็ต้องรอตรวจซ้ำและทำการกักตัวกันไป แต่แค่เท่านี้ก็ทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะสะเทือนกันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

จะเห็นได้ว่าท่านผู้นำปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้โดยตลอด แม้นักข่าวจะจี้ถามหลายรอบ ถึงได้บอกว่า มาตรการที่ออกมาจากที่ประชุมครม.เมื่อวันอังคารนั้น มันช้ากว่าสถานการณ์ที่ดำเนินไปแล้วหรือไม่ เวลานี้จากผู้ติดเชื้อที่พยายามขีดวงจำกัด และทำให้คนเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ปรากฏว่า หลายจังหวัดเริ่มมีการแถลงข่าวแล้วว่าพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ และมีคนอยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวังกันจำนวนเท่าไหร่

เหล่านี้ล้วนสะท้อนในมุมกลับว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงหรือมีการกั๊กข้อมูลอะไรไว้หรือไม่ เพราะหลังจากที่ดาราดังอย่าง แมทธิว ดีน ประกาศว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 แล้วตามมาด้วยมาตรการเข้มข้นของรัฐบาล ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ถูกเปิดเผยกันล็อตใหญ่ ด้วยเหตุนี้ น่าจะสมควรแก่เวลาแล้วหรือไม่ ที่รัฐบาลต้องประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 แล้วทำการปิดประเทศ ปิดเมือง ไม่จำเป็นต้องรอให้เหมือนอู่ฮั่น

หากรอให้ถึงวันนั้น สิ่งที่จะตามมาคือ ความเข้มข้น เด็ดขาด รัฐบาลที่ห่วงภาพลักษณ์มากกว่าสิ่งใด จะทำได้เฉียบขาดเหมือนที่รัฐบาลจีนทำหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนหวั่นไหวหนักข้อมากขึ้น น่าจะเป็นตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่พบในต่างจังหวัด โดยเชียงใหม่แถลงเมื่อวานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6 รายรวมเป็น 7 ราย นั่นย่อมหมายความว่า มาตรการที่รัฐบาลจะเน้นหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ไม่น่าจะเพียงพอเสียแล้ว

บางทีสิ่งที่มีการเรียกร้องกันว่า เจ็บแต่จบ อาจจะเป็นทางเลือกที่รัฐบาลหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลานี้หากยึดสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามเรียกร้องคือการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ต้องอยู่ห่างกันไม่น้อยกว่า 2 เมตร ก็เหมือนกับการลดกิจกรรมทางสังคมไปในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น การประกาศปิดเมือง ปิดประเทศ หยุดการพบปะหรือทำกิจกรรมโดยไม่จำเป็นของคนในประเทศ จึงน่าจะเป็นทางเลือกเพื่อนำไปสู่ทางรอดของคนทั้งชาติมากที่สุด