หุ้นจะดีดเมื่อมีมาตรการสุดเข้ม
นักลงทุนต่างผิดหวังกับมาตรการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
นักลงทุนต่างผิดหวังกับมาตรการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
นั่นเพราะอาจมองว่า การควบคุมที่ใช้ล่าสุดนั้น อาจไม่มีประสิทธิภาพในการคุมการแพร่กระจายที่ดีเพียงพอ
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ร่วงลง
เพราะไม่เชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาได้แบบสะเด็ดน้ำ
อย่างที่พอจะรับทราบกัน
หากมัน “เจ็บ” แล้ว “จบ” นั่นจะเป็นผลบวกมากกว่ามาตรการครึ่ง ๆ กลาง ๆ
การเจ็บแล้วจบนั้น มันทำให้เรามองเห็น “ก้นเหว”
หรือจะสามารถประเมินได้ว่า กรณีแย่สุดของความเสียหายที่เกิดขึ้น จะอยู่ที่ตรงไหน บจ.แห่งไหนจะมีกำไรเหลือเท่าไหร่ หรือใครจะขาดทุนบ้าง
การคุมเข้ม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยภายในประเทศนั้น
จะแบ่งออกมาเป็น 3 ระดับ
รุนแรงสุดคือ การประกาศกฎอัยการศึก 2457
หากเบาลงมาหน่อยคือ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรี ควบคุมสถานการณ์
และสุดท้ายคือ พ.ร.บ.ความมั่นคง
ส่วนที่ใช้อยู่ตอนนี้ยังค่อนข้างเบา และยังหวั่นกันว่าจะเป็นการ “ปิดฟรี” หรือเจ็บแบบไม่จบ
ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังดำเนินต่อไป
ดังนั้น หุ้นไทยที่ลงมาหนักกว่าในเอเชีย หรืออาจจะหนักสุดของโลก (อีกครั้ง) เมื่อวานนี้ก็มาจากมาตรการแบบเจ็บแต่ไม่จบนั่นแหละ
เท่าที่คุยกับนักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุน
ต่างอยากเห็นรัฐบาลนำมาตรการที่ค่อนข้างเข้ม หรือเข้มสุดมาประกาศใช้
ล่าสุดเมื่อวานนี้ช่วงเย็นที่การประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
สรุปแล้ว ยังคงใช้มาตรการเดิมที่ใช้อยู่ต่อไป
มีคำถามว่าแล้วตลาดหุ้นไทยต่อไป จะเป็นอย่างไร
เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดัชนีอาจจะหลุดต่ำกว่า 1,000 จุดได้
หากวันนี้ยังไม่หลุด
แต่ก็เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็อาจจะหลุด หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้แน่ชัด
แนวรับของดัชนีหากหลุด 1,000 จุดนั้น
น่าจะลงไปอยู่บริเวณ 940–960 จุด
แต่หากหลุดต่ำกว่า 900 จุด
ก็อาจไปอยู่บริเวณแนวรับถัดไปแถว ๆ 840 จุด
แต่จากการสอบถามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า ดัชนีไม่น่าหลุด 900 จุด หรืออาจจะวนเวียนอยู่ที่บริเวณ 1,000 จุด บวก/ลบ ไปอีกสักระยะ
หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงถูกแนะนำให้เลี่ยงต่อไป หรือให้ “ถือ” เท่านั้น
เว้นแต่เป็นการลงทุนระยะยาว มีคำแนะนำให้ค่อย ๆ เข้าทีละไม้เพราะหุ้นหลายตัวในกลุ่มฯ กำลังขึ้น XD และอัตราการจ่ายเงินปันผลน่าสนใจ เช่น KTB (ยีลด์ 7.53% ณ ราคาปิดวานนี้ 10.00 บาท)
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สำหรับตลาดหุ้นไทย ต้องดูเป็นแบบวัน ๆ ไป
แม้มาตรการที่นำมาใช้ของรัฐบาลยังไม่เข้มแบบถึงใจ
แต่หากมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ดัชนีก็อาจพร้อมรีบาวด์ (สั้น ๆ) ได้บ้าง
อย่างระหว่างเขียนต้นฉบับ ช่วงหัวค่ำวานนี้ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกกลับมาบวกได้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
มาตรการที่ว่านี้ รวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) “ในวงเงินไม่จำกัด”
เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน
ว่ากันว่า การดำเนินการของเฟดล่าสุดนี้ ถือเป็นการดำเนินการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการ
คงต้องลุ้นกันไปเป็นวัน ๆ แบบนี้แหละ