MINT ผีซ้ำด้ำพลอย.!

สำนักข่าวรัชดา

เป็นที่น่าเสียดายกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จริง ๆ ที่จากเดิมถูกคาดหมายว่า ปี 2563 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนหนัก ๆ ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากการเข้าไปซื้อกิจการบริษัท NH Hotel Group, S.A. (NHH) ที่ปีนี้จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี…

แต่สงสัยปีนี้จะเป็นปีชงของ MINT เสียกระมัง…เพราะอยู่ ๆ ก็เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซะงั้น

ทำให้นอกจากไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เท่านั้นยังไม่พอ…ยังต้องสูญเสียรายได้ไปอีกด้วย

เนื่องจากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมทั่วโลกมีปัญหา ทำให้โรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารของ MINT หลายแห่งต้องปิดกิจการ ไม่ว่าจะเป็นที่อิตาลี สเปน เยอรมนี มาเลเซีย รวมถึงไทย เพื่อหนีไวรัสร้าย และลดต้นทุน

ส่วนธุรกิจร้านอาหาร ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน…ร้านอาหารในจีนเกือบ 100 สาขา ต้องปิดในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และเพิ่งกลับมาเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนร้านอาหารที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ก็ต้องปิดบริการเช่นกัน

รวมถึงร้านอาหารในไทย ที่เจอมาตรการรัฐสั่งปิดห้างและปิดร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านซิซซ์เลอร์ สเวนเซ่นส์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์ คิง ไทย เอ็กซ์เพรส แม้ในส่วนของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังสามารถให้บริการแบบจัดส่งถึงบ้านได้ก็ตาม

ขณะที่ธุรกิจแฟชั่น ก็ต้องปิดสาขาให้บริการตามมาตรการรัฐเช่นกัน

กลายเป็นว่า ทุกเซกเมนต์ได้รับผลกระทบหมด..!!

นั่นจะทำให้โครงสร้างรายได้ของ MINT มีปัญหา…รายได้หดหายจากการปิดสาขา

สเต็ปถัดมาจะไปกระทบโครงสร้างทางการเงิน ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยที่ไปกู้เงินมาซื้อ NH Hotel

เรียกว่า ผีซ้ำด้ำพลอยของแท้…

ทุกวันนี้ MINT จึงมีสภาพเป็นหุ้นติดหวัดโควิดเรื้อรัง…ที่ไม่รู้จะรักษาหายเมื่อไหร่..?

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นราคาหุ้น MINT ทรุดโทรมหนัก รอบ 1 สัปดาห์ ปรับลดลง 22.60% รอบ 1 เดือน ปรับลดลง 52.35% และรอบ 3 เดือน ปรับลดลง 61.68%

ทำเอานักลงทุนที่มีหุ้น MINT ติดอยู่ในพอร์ตกระเป๋าฉีกไปตาม ๆ กัน…

ด้านนักวิเคราะห์ คาดว่า ปี 2563 MINT กำไรลดลง 79% มาอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท จากผลกระทบโควิด-19 คิดเป็น 61% และจากมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า (TFRS 16) คิดเป็นประมาณ 18% จึงประเมินรายได้ต่อเฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) จะลดลง 30% จากสมมติฐานที่ว่าโควิค-19 สามารถควบคุมได้ภายในเดือน ก.ค.นี้

โดยมีประเด็นที่น่ากังวลในเรื่องอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ในระดับสูงที่ 2.2 เท่า ซึ่งหากสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดในปีนี้ MINT น่าจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้

ขณะที่ MINT ยังมีเงินสดในมืออยู่ที่ 13,300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ 9,700 ล้านบาท ที่จะชำระคืนในปีนี้

จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 30 บาท

ก็ยังมีอัพไซด์ให้เล่นอีกเพียบ…

แต่…ในภาวะที่ตลาดไม่รู้จะเป็นลูกผีหรือลูกคนอย่างนี้ การเก็บเงินสดไว้กับตัวน่าจะปลอดภัยสุด

หรือใครจะมองว่าเป็นช่วงจังหวะเก็บของถูก…ก็ไม่ว่ากัน

…อิ อิ อิ…