ฝรั่งทิ้งแสนล้าน
*อาการสวิงสวายไปมาของดัชนีที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ทำให้รู้ว่าแรงขายของฝรั่งยังไม่สะเด็ดน้ำ และแรงซื้อของกองทุนยังมาไม่เต็มสูบ ดัชนีถึงสะบัดตัวไปมาในระหว่างวันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้สถานการณ์โดยรวมยังคลุมเครือ และมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวหลุดแนวรับ 1 พันจุดในไม่ช้า เพราะมันไม่มีแรงจูงใจที่ทำให้นักลงทุนต้องนอนกอดหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ นะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*อาการสวิงสวายไปมาของดัชนีที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ทำให้รู้ว่าแรงขายของฝรั่งยังไม่สะเด็ดน้ำ และแรงซื้อของกองทุนยังมาไม่เต็มสูบ ดัชนีถึงสะบัดตัวไปมาในระหว่างวันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้สถานการณ์โดยรวมยังคลุมเครือ และมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวหลุดแนวรับ 1 พันจุดในไม่ช้า เพราะมันไม่มีแรงจูงใจที่ทำให้นักลงทุนต้องนอนกอดหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ นะจะบอกให้
*ในเมื่อกลุ่มนักเล่นยังไม่พร้อมลุยสุดซอย และสถานการณ์ไวรัสมรณะยังแผ่วงกว้าง “โมนิก้า” จึงต้องกลับมาดูองค์รวมของตลาดหุ้นไทยขึ้นกับตัวแปรไหนบ้าง ? ซึ่งในที่สุดพบว่าแกนหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสลบเหมือดครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดจากฝรั่งดั๊มพ์หุ้นไม่หยุดหย่อน ส่งผลให้ดัชนีขยับขึ้นไปไหนไม่ได้สักที แถมเมื่อมองดูจากพอร์ตหุ้นที่ยังมีของเก่าอีกเยอะ ก็เป็นประเด็นที่ต้องคิดกันต่อไปนะตัวเอง
*ด้วยเหตุนี้ถึงมองการยืนปิดที่ 1,033.84 จุด บวกไป 9.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.41 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นผลมาจากพยุงหุ้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์ไปวัน ๆ ไม่ใช่จุดเปลี่ยนเหมือนที่บางคนคาดหวัง เพราะเมื่อดูยอดขายสะสมของฝรั่งตั้งแต่ต้นปีอยู่ในระดับ 1.10 แสนล้านบาท เทียบกับกองทุนมียอดซื้อสะสมอยู่ในระดับ 1.20 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนมองไม่ออกจริง ๆ ว่าดัชนีจะต้านทานแรงขายได้อีกนานแค่ไหนเจ้าค่ะ
*วันนี้ถึงไม่อยากคาดหวังเรื่องการทำ QE เหมือนเช่นในอดีต เพราะวันนี้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ใช่ตัวเลือกหลัก ผนวกกับสภาพที่เห็นยังคาบลูกคาบดอกไปหมดทุกเรื่อง “โมนิก้า” ถึงได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อลำดับพัฒนาการที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางไหน ? รวมทั้งข้อสงสัยที่มีแรงขายออกมาในหุ้นบางกลุ่ม ก็เป็นผลมาจากความวิตกกังวลเป็นที่ตั้งนะจะบอกให้
*โดยเฉพาะในรายของหุ้น COM7 ถูกขาประจำจัดหนักแบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม ก็เป็นผลสืบเนื่องจากผลงานไม่น่าจะปังเหมือนที่โม้ไว้ ยิ่งร้านรวงต่าง ๆ ทยอยปิดกันเป็นว่าเล่น ยิ่งหมดโอกาสกอบโกยเงินเหมือนเมื่อก่อน “โมนิก้า” ถึงมองการทิ้งตัวลงมายืนปิดที่ 14.30 บาท ลบไป 2.50 บาท พร้อมกับรูดติดฟลอร์ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 500 ล้านบาท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณแรงขายจะมีออกมาอีกนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่น่าเห็นใจมากเหลือเกิน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นน้องใหม่ DOHOME เป็นรายถัดไปในทันที เพราะเข้าตลาดหุ้นได้ไม่ถึง 8 เดือน ราคาหุ้นดันทำ all time low ครั้งแล้วครั้งเล่า จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 4.06 บาท ลบไป 0.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 143 ล้านบาท น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้รู้ว่ายังมีราคาต่ำกว่าให้ซื้ออีกแน่ ๆ เพราะผลกระทบจากโควิด-19 มันรุนแรงเกินรับมือไหวน่ะซี
*สำหรับในรายของ MTC กลายเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ตกอยู่ในภาวะกล้ำกลืนฝืนทน และยังคงเทขายต่อไปไม่หยุดหย่อน เพราะมองไปมุมไหน ด้านไหน ก็ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ผนวกกับฝรั่งไม่เล่นด้วยเหมือนก่อน สภาพของหุ้นถึงยับเยินจนปลัดบอกไม่ถูก “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองดูกันเอาเองว่า การลงมาปิดที่ 31 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 11.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 989 ล้านบาท มันใช่จุดต่ำสุดของการเล่นเที่ยวนี้จริงเหรอ ?
*เช่นเดียวกับในรายของน้องแบม BAM ก็กลายเป็นหุ้นที่ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำกำไรในอนาคตเยอะมาก ๆ แต่หุ้นก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 17.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.17 พันล้านบาทได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นหุ้นที่มีกองเชียร์คอยหนุนหลังค่อนข้างเยอะ จึงประคองตัวฝ่าแรงขายได้อีกวัน จนหุ้นอยู่ในจังหวะของการสร้างฐานอย่างเป็นทางการนะตัวเอง!
*ส่วนรายที่น่าประหลาดใจเที่ยวนี้กลายเป็น QH เพราะราคาหุ้นไหลรูดทั้งที่หุ้นอสังหาฯ ตัวอื่นเริ่มตั้งฐาน “โมนิก้า” เลยสงสัยว่าน่าจะมีอะไรในก่อไผ่หรือเปล่า ? รวมทั้งการลงมายืนปิดที่ 1.73 บาท ลบไป 0.11 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 150 ล้านบาท คงเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่ายังมีแรงเทขายอีกเยอะแน่ ๆ อย่าเพิ่งยื่นมือเข้าไปรับมีดเป็นอันขาดกระมัง!..อิอิอิ
*ป.ล.เดี๊ยนยังมีความปรารถนาดีต่อตลาดหุ้นไทยเสมอมาอย่างไร วันนี้ยังคงปรารถนาดีต่อไปไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มันทำให้ “โมนิก้า” ต้องพูดความจริงมากกว่าการวาดฝันลม ๆ แล้ง ๆ จึงต้องกราบขออภัยหากทำให้ใครบางคนรู้สึกไม่สบายใจ เพราะการจะฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน..ต้องนึกถึง “ใจเขา ใจเรา” เป็นเรื่องแรกนะคะ