ระส่ำ ?
*จริง ๆ “โมนิก้า” พยายามหาข่าวดีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมสร้างกำลังใจให้กับทุกคน แต่สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสมรณะยังปรากฏเป็นข่าวให้เห็นทุกวัน ซึ่งรวมถึงข่าวบนสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่ผุดราวกับดอกเห็ด (คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงกลายเป็นข่าวที่ผู้คนให้ความสนใจ) มันคือสถานการณ์ที่สร้างความระส่ำให้กับผู้คนในทุกแวดวง และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนต้องรีบออกมาหาทางแก้ไขไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*จริง ๆ “โมนิก้า” พยายามหาข่าวดีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมสร้างกำลังใจให้กับทุกคน แต่สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสมรณะยังปรากฏเป็นข่าวให้เห็นทุกวัน ซึ่งรวมถึงข่าวบนสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่ผุดราวกับดอกเห็ด (คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงกลายเป็นข่าวที่ผู้คนให้ความสนใจ) มันคือสถานการณ์ที่สร้างความระส่ำให้กับผู้คนในทุกแวดวง และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนต้องรีบออกมาหาทางแก้ไขไงล่ะคะ
*ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก ๆ ที่ทุกอย่างยังเดินไปในแนวทางของมัน (แม้จะสะดุดไปบ้าง หรือช้าลงไปบ้าง แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไร) “โมนิก้า” จึงขอปรบมือดัง ๆ ให้กับทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยยังน่าอยู่เหมือนเดิม ผนวกกับเวลานี้ได้มีการช่วยกันชี้เป้าปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงทำให้สถานการณ์หลายอย่างทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด เดี๊ยนถึงมองมาตรการที่รัฐบาลกำลังค่อย ๆ ทำจากเบาไปหนัก คือการทำให้ทุกคนรู้ตัวว่ากำลังจะเผชิญกับอะไรต่อไปเจ้าค่ะ
*วันนี้ถึงต้องถามกันตรง ๆ ว่า การวิ่งขึ้นของดัชนีจนทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,132.10 จุด มันเป็นเกมสั้น ๆ ของพวกกองทุนที่เข้ามาพยุงหุ้นหรือเปล่า ? รวมทั้งการบวกสวนกระแสตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่แดงเถือกกันเป็นแถวแบบนี้ มันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนมองเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องแบกรับกันเอาเอง หลังตัวเลขเศรษฐกิจของมะกันไม่สวยเอาเสียเลย และสุดท้ายก็เป็นจริงดังที่สงสัย เพราะดัชนีลงมาปิดที่ 1,105.51 จุด ลบไป 20.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.71 หมื่นล้านบาท นะจะบอกให้
*ขนาดเจ้าพ่อสื่อสารยักษ์ใหญ่ ADVANC กลายเป็นหุ้นตัวเต็งที่ได้รับผลดีจากนโยบาย Work from Home วันนี้กลับไม่มีแรงซื้ออัดเข้ามาเหมือนวันก่อน ๆ จนราคาหุ้นทรุดตัวลงมายืนปิดที่ 195.50 บาท ลบไป 5.50 บาท หรือลงไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการสวิทช์ตัวเล่นของพวกกองทุนแน่ ๆ เพราะเวลานี้มันต้องกระโจนใส่แบบสุดซอยไม่ใช่เหรอจ๊ะ
*เมื่อมีการตั้งประเด็นข้อสงสัยดังกล่าวขึ้นทั้งที “โมนิก้า” ย่อมเล็งเป้าไปยังหุ้นแหลม ๆ ที่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจอย่างเช่น KCE เพื่อชี้ให้เห็นการเด้งขึ้นมาปิดที่ 14.20 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 723 ล้านบาท คงเป็นผลมาจากหุ้นลงลึกมาระยะหนึ่ง พวกกองทุนเลยหวนกลับเข้ามาไล่ราคาอีกรอบ ซึ่งอาจเป็นเกมสั้น ๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนไงล่ะคะ
*เม้าท์ถึงเรื่องประหลาด ๆ และสร้างความงุนงงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องโฟกัสไปที่หุ้นรถไฟใต้ดิน BEM เพื่อเชื่อมโยงกับเรื่อง “บิ๊กตู่” อาจใช้ยาแรงด้วยการปิดระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อทำการสกัดกั้นไวรัสมรณะแพร่ระบาดหนักขึ้น มันก็เห็นกันอยู่แล้วว่า กำไรฮวบแน่ ๆ แต่ราคาหุ้นกลับยืนฝืนกระแสอยู่ที่ระดับ 7.65 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 305 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 22 เท่า มันใช่เรื่องไหมจ๊ะ
*คล้ายกับสถานการณ์หุ้นเดินเรือ TTA ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เสี่ยกึ้ง” ทะยานขึ้นมาปิดที่ 2.22 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 14.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท ทั้งที่เห็นกันอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจทั่วโลกพังพาบไม่เป็นท่าจากโควิด-19 เล่นงานครั้งใหญ่ “โมนิก้า” ถึงเดาไม่ออกเหมือนกันว่าการขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้จะนานแค่ไหน ? เพราะมันไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยสักอย่างน่ะซี
*ขนาดหุ้นไฟแนนซ์ที่เก๋า ๆ อย่างเช่น MTC ยังโดนพวกกองทุนถล่มราบเป็นหน้ากลองอย่างรวดเร็ว และจนป่านนี้ยังไม่มีแรงซื้อกลับเข้ามาเต็มสูบสักที “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่บังคับให้แมงเม่าต้องถอยฉากลูกเดียว เพราะยังมีแรงเทขายอีกจำนวนมากเตรียมโยนออกมา หลังทุกคนฟันธงว่ามาตรการรัฐกระทบกำไรเต็ม ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 29.75 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือรูดติดฟลอร์ 15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 957 ล้านบาทพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SPRC ถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบร่วงต่อเนื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมมาเจอสภาพเศรษฐกิจโลกทรุดหนักเล่นงานอีกหนึ่งเด้งเข้าแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 4.58 บาท ก่อนจะทรุดลงมายืนปิดที่ระดับ 4.36 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาท คงเป็นได้แค่ช็อตของการเล่นตามน้ำชั่วคราว ไม่สามารถทิ้งน้ำหนักสุดซอยได้เหมือนเมื่อก่อนเจ้าค่ะ