ฝรั่งขายแล้ว 1.18 แสนล้าน

3 เดือนแรก (รวมวันที่ 1 เม.ย. 63 ด้วย) ของปี 2563


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

3 เดือนแรก (รวมวันที่ 1 เม.ย. 63 ด้วย) ของปี 2563

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 1.18 แสนล้านบาท

เข้าใจว่าขณะนี้ (1 เม.ย.) สัดส่วนที่นักลงทุนต่างชาติถือหุ้น (คงเหลือ) ในตลาดหุ้นไทย น่าจะเหลืออยู่ประมาณ 27-28% ได้

หรืออาจจะต่ำกว่านี้แล้วก็ได้

ผ่านมาถึงตอนนี้ ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าต่างชาติจะหยุดขายเมื่อไหร่

ที่แน่ ๆ คือเศรษฐกิจทั่วโลกเสียหายหนักมากจากปัญหาโควิด-19

และยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายลงตอนไหน

ปัญหาเรื่องดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทยอยปรับลดลงจนติดลบ

ค่าเงินบาทไทยที่อ่อนค่าลงทำให้ต่างชาติมีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

และไม่ใช่ว่าพอปัญหาเริ่มเบาบาง  สถานการณ์ตลาดเงิน ตลาดหุ้น จะวิ่งกลับมาทันที เพราะคงใช้เวลาอีกพอสมควร

เมื่อดูจากกลุ่มนักลงทุนที่เข้าไปรับหุ้นช่วง 3 เดือนแรก

รายย่อยรับไปกว่า 1 แสนล้านบาท

ส่วนพอร์ตโบรกเกอร์ขายอยู่กว่า 4.3 พันล้านบาท

และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเล็กน้อย 2.6 หมื่นล้านบาท

การซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในช่วงนี้ น่าจะมาจาก “กองทุน” ต่าง ๆ เป็นหลัก

ที่จะต้องคอยส่งคำสั่งซื้อและขาย (ส่วนใหญ่น่าจะเป็นขายมากกว่านะ) จากผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการขายคืนหน่วยลงทุนของตัวเอง แม้ว่าจะขาดทุนก็ตาม

ในมุมมองของกองทุนก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขายตามคำสั่งของผู้ถือหน่วย (ที่แพนิก)

ทว่า อาการแพนิกของผู้ถือหน่วยลงทุนที่ว่านี้

ข่าวว่าเริ่มจะเบาบางลง

เราจะเริ่มเห็นการเริ่มซื้อกลับบ้างของกองทุนต่าง ๆ

ผสมกับการทำวินโดว์เดรสซิ่ง เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่กองทุนซื้อกว่า 5 พันล้านบาท

ตอนนี้ต้องมาดูกันว่า หากต่างชาติยังถล่มขายหุ้นไทยต่อเนื่องไปแบบนี้

ทั้งรายย่อย และกองทุนต่าง ๆ จะรับมือได้แค่ไหน

กองทุน เองนั้น ยังดีที่มี SSF พิเศษ” เข้ามาช่วยได้บ้างในช่วง 3 เดือนนับจากนี้

เห็นนายกสมาคม บลจ.ประเมินตัวเลขคร่าว ๆ ไว้ น่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กลับมองสวน

ตัวเลขเงินที่ว่านี้อาจจะไม่ถึง

นักวิเคราะห์บางคนบอกว่า อย่างมากน่าจะได้ซัก 3 หมื่นล้านบาท

หรือบางคนประเมินไว้เพียง 1.5-2.0 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

เหตุผลเพราะว่า SSF พิเศษ ที่ว่านี้ ความน่าสนใจดูจะน้อยกว่ากองทุน LTF เช่น การลดหย่อนภาษี และช่วงเวลาของการซื้อนั้นสั้นเกินไป (3 เดือน)

และสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้

คนน่าจะเลือกถือเงินสดไว้มากกว่าที่จะนำไปลงทุน (แม้ว่าจะได้ลดหย่อนภาษี)

หากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาด ก็น่าเป็นห่วงกับตลาดหุ้นไทย ที่จะต้องมาดูกันว่า เงินที่เข้ามาจะเพียงพอกับการรับมือการขายของต่างชาติแค่ไหน (แม้ว่าหุ้นหลายตัวลงมาต่ำกว่าพื้นฐานมาก ๆ)

นักวิเคราะห์ของโบรกฯ ต่างประเทศประเมินว่า ต่างชาติน่าจะขายออกมาอีกเยอะ

การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้จึงยังต้องเน้นตั้งการ์ดไว้แน่น ๆ

และเปอร์เซ็นต์การถือเงินสดต้องมากขึ้น

Back to top button