‘น้ำมัน’ ถูกกว่า ‘เบียร์’
มีรายงานเมื่อปลาย ๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เบียร์ชนิดดีในแคนาดามีราคาแพงกว่าน้ำมันเสียอีกโดยราคาน้ำมัน Western Canada Select (WCS) มีราคาเพียง 4.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่เบียร์ชั้นดีมีราคาไพน์ละ 5 ดอลลาร์ แม้น้ำมัน WCS จะเป็นน้ำมันเกรดต่ำที่ไม่ใช้เป็นมาตรฐานราคาระหว่างประเทศเหมือนน้ำมันดิบเบรนต์ หรือเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) แต่การที่มันมีราคาถูกกว่าเบียร์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชาตินี้
พลวัตปี 2020 : ฐปนี แก้วแดง (แทน)
มีรายงานเมื่อปลาย ๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เบียร์ชนิดดีในแคนาดามีราคาแพงกว่าน้ำมันเสียอีกโดยราคาน้ำมัน Western Canada Select (WCS) มีราคาเพียง 4.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่เบียร์ชั้นดีมีราคาไพน์ละ 5 ดอลลาร์ แม้น้ำมัน WCS จะเป็นน้ำมันเกรดต่ำที่ไม่ใช้เป็นมาตรฐานราคาระหว่างประเทศเหมือนน้ำมันดิบเบรนต์ หรือเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) แต่การที่มันมีราคาถูกกว่าเบียร์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชาตินี้
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันแคนาดาถูกขนาดนี้เพราะว่าตลาดจีนปิด แคนาดาจึงไม่สามารถส่งมายังเอเชียได้ การส่งน้ำมันแคนาดาไปทางอ่าวเม็กซิโกโดยรถไฟและท่อส่งน้ำมันจะเพิ่มต้นทุนให้ราคาน้ำมันแคนาดาประมาณ 8-10 ดอลลาร์ ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการซื้อเพราะมีน้ำมันมากไปหมดทุกที่และเรือบรรทุกน้ำมันก็มีน้ำมันเต็มพิกัดแล้ว
รายงานของโกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่า วิกฤติดีมานด์เป็นลบมากต่อราคาน้ำมันและกำลังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล (Landlocked) เข้าสู่แดนลบ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ผลิตน้ำมันยินดีที่จะจ่ายให้คนที่จะมาซื้อมากกว่าเพราะว่ามันมีราคาแพงกว่าที่จะปิดหรือเปิดบ่อน้ำมันใหม่และจริง ๆ แล้วอาจจะมีต้นทุนถูกกว่าที่จะจ่ายเงินให้คนที่มาช่วยขจัดมันออกไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเชื่อว่า ราคาน้ำมันอาจจะกลับมาสูงขึ้นภายในสองสามเดือน
ยังมีรายงานจากบีบีซี ว่า ราคาน้ำมันเบนซินหน้าปั๊มในอังกฤษก็มีราคาไม่ถึง 1 ปอนด์แล้วในขณะนี้ ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มอันน่าหดหู่ของราคาน้ำมันได้อย่างชัดเจน
ฟิตช์ โซลูชั่น คาดว่า ตราสารน้ำมันดิบเบรนต์ อาจลดลงต่ำเหลือเป็น “เลขหลักเดียว” หากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ไม่สามารถตกลงลดกำลังการผลิตกันได้ในยามที่ดีมานด์ล่มสลายเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา
องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่เรียกว่าโอเปกพลัส จะประชุมกันในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) เพื่อพยายามตกลงลดการผลิตหลังจากที่ได้เลื่อนประชุมมาจากวันจันทร์ (6 เม.ย.)
ข้อตกลงในก่อนหน้านี้ของกลุ่มโอเปกพลัสได้หมดอายุลงในเดือนมีนาคมหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียไม่สามารถตกลงกันได้ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 18 ปี
ข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตหมดอายุลงหมายถึงว่าสมาชิกโอเปกพลัสสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในเดือนนี้และทั้งซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซียต่างก็ได้กล่าวว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตของตนเองทั้งสิ้น
นักวิเคราะห์ของฟิตช์ โซลูชั่น กล่าวว่า ดีมานด์ที่ลดลงและซัพพลายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้มีน้ำมันเกินความต้องการอยู่ถึงมากกว่า 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้ตลาดน้ำมันมีความกดดันเชิงกายภาพอย่างรุนแรง
การประมาณการของฟิตช์ โซลูชั่นนี้ มีขึ้นก่อนที่โอเปกพลัสจะเลื่อนประชุมในวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยในขณะที่บอกว่าไม่น่าจะมีน้ำมันเกินขีดความสามารถในการเก็บ แต่มีความเป็นไปได้ที่ภาวะน้ำมันโอเวอร์ซัพพลายจะบีบเชนโลจิสติกส์ทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ลดลงเหลือเป็นเลขหลักเดียว
ราคาตราสารน้ำมันดิบได้ลดลงแล้วประมาณ 50% ตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาก็ได้กระเตื้องขึ้นหลังจากที่คิริล ดมิทรีฟ หัวหน้ากองทุน Russian Direct Investment Fund ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า รัฐบาลมอสและริยาร์ด “ใกล้มากแล้ว” ที่จะตกลงกันได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แนวโน้มที่จะได้ข้อตกลงลดกำลังการผลิตอาจจะมีมากขึ้นหาก “สหรัฐฯ ” ร่วมลดการผลิตด้วยแต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะว่าอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐฯ แตกแยกและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในการหารือของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้บริหารบริษัทน้ำมันสหรัฐ ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการหารือเรื่องลดกำลังการผลิต นอกจากเรียกร้องให้ประธานาธิบดีให้อุตสาหกรรมน้ำมันเข้าถึงโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลที่จะช่วยบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
แต่ถึงแม้ว่าผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ อาจตกลงลดการผลิตได้ ราคาน้ำมันก็น่าจะยังคงต่ำอยู่เพราะการระบาดของไวรัสโคโรนากำลังจำกัดดีมานด์ หลายประเทศกำลังอยู่ในโหมดล็อกดาวน์ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะได้ข้อตกลงลดซัพพลายแต่ก็ยังคงมีปัญหาดีมานด์อยู่ดี
ผลการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 9 เมษายนนี้ น่าจะเป็นตัวชี้ได้ว่า ราคาน้ำมันจะยังคงถูกกว่าเบียร์ต่อไปหรือไม่ หรือจะลดลงเหลือเป็น “เลขหลักเดียว” ตามที่ฟิตช์ โซลูชั่นทำนายหรือไม่