หุ้นไปต่อได้แค่ไหน

ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

เชื่อว่าตอนนี้นักลงทุนหลายคนต่างตั้งคำถามตามหัวคอลัมน์นี้แน่นอน

แต่เชื่อไหม คำถามนี้ก็คงยากที่จะให้ใครมาตอบ (แม้กระทั่งนักวิเคราะห์ชั้นเซียน) ได้ถูกต้อง หรือแม่นยำนักหรอก

ดังนั้น หุ้นจะไปต่อได้หรือไม่ได้ หรือไปได้ไกลแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับนักลงทุนทุกกลุ่มนั่นแหละ

หากยังซื้อต่อไปแบบหลายวันที่ผ่านมาแบบนี้

หุ้นก็ยังวิ่งขึ้นต่อไป….

ประเด็นของคำถามคือว่า แล้วปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุนให้นักลงทุนซื้อหุ้นกันสนุกสนานในขณะนี้

มีความเพียงพอที่จะดันหุ้นไปได้ไกลซักแค่ไหน

“โควิด-19” แน่นอนว่า นี่คือปัจจัยกดดันตลาดหุ้น (อย่างหนัก) ทั่วโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา

กดดันแบบชนิดที่ว่า หลายคนลืมเรื่อง “สงครามการค้า” หรือเทรดวอร์ที่ประเทศสหรัฐฯ รบกับประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลกไปแล้ว

เพราะขนาดบทวิเคราะห์ของโบรกฯ ต่าง ๆ ตอนนี้

เหมือนจะไม่มีใครอ้างถึงเทรดวอร์กันแล้ว

บางโบรกฯ ถึงขนาดมองข้ามไปเลยว่า หากแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 แล้วเสร็จ หรือสถานการณ์เบาบางดีขึ้น

ตลาดหุ้นน่าจะไปได้แบบฉลุยแน่ ๆ

ดัชนีน่าจะกลับไปยืนที่ระดับ 1,300–1,400 จุดได้ หรืออาจจะวิ่งกลับไป 1,500 จุดเลยด้วยโน่น

หันมาดูตลาดหุ้นไทยวานนี้กันซักหน่อย

ดัชนีปิดลดลง 9.18 จุด (1,205.77 จุด)

จะว่าไปแล้วนะ

วานนี้ควรแล้วล่ะที่ดัชนีจะต้องปิดในแดนลบ

เพราะ 3 วันทำการก่อนหน้านี้ดัชนีวิ่ง หรือทะยานขึ้นมาถึง 110 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +9.89% (ในช่วง 3 วัน)

ปัจจัยที่เข้ามาหนุนตลาดช่วง 3 วันที่ว่านี้ เริ่มจากตลาดหุ้นต่างประเทศเช่นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น ยุโรปปิดบวกสวย และเอเชียส่วนใหญ่ตัวเลขเป็นสีเขียว

ของไทยเองนั้น มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

หรือเรียกให้สวยหรูหน่อย ก็คือ QE (ประเทศไทย) มูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านบาทนั่นแหละ

ดังนั้น วานนี้มีการเทขายกันออกมาบ้าง (เอเชียส่วนใหญ่ปิดลบ ยุโรปเปิดลบ) ก็น่าจะเป็นปกติ

ย้อนกลับมาคำถามที่ว่า แล้วหุ้นจะไปต่อได้อีกแค่ไหน

คำตอบ คือ ก็ขึ้นอยู่กับการคุมการแพร่ระบาดของไวรัสฯ ทำได้ดีตามเป้าที่กำหนดไว้หรือไม่

แล้วมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพยุงได้เพียงใด

ส่วนคำถามที่ว่า หากสิ่งที่ทำกันมาแล้วยังไม่ดีขึ้นตามกรอบเวลา จะทำให้หุ้นร่วงไปได้อีกไหม

แน่นอนว่า มันจะต้องร่วง

มีนักวิเคราะห์ประเมินว่า สมมุติฐานบนสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก

ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะลงไปที่ระดับพันจุด (+/-) อีกครั้งได้

หรืออาจจะต่ำกว่านั้นก็ได้

ทำให้มีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเปอร์เซ็นต์สัดส่วนการถือเงินสดให้มากไว้ก่อน

หรือหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้

ต้องทยอยเข้าไปทีละไม้

อย่าไปกลัวตกขบวน