1,250 ครั้งที่สอง!
*ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจมากสุดในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างร้อนแรง จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,266.40 จุด บวกไป 27.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.72 หมื่นล้านบาท อาจเป็นสถานการณ์ที่สวนทางกับความเป็นจริงค่อนข้างเยอะ แต่บรรดากองทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวสักเท่าไหร่ ส่งผลให้แมงเม่าต่างพากันเกาหัว แกรก..แกรก เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเจ้าคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจมากสุดในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างร้อนแรง จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,266.40 จุด บวกไป 27.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.72 หมื่นล้านบาท อาจเป็นสถานการณ์ที่สวนทางกับความเป็นจริงค่อนข้างเยอะ แต่บรรดากองทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวสักเท่าไหร่ ส่งผลให้แมงเม่าต่างพากันเกาหัว แกรก..แกรก เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเจ้าคะ
*ในเมื่อการเล่นเที่ยวนี้ตั้งอยู่บนความคาดหวังสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับเอาเรื่องปลดล็อกบางจังหวัดเป็นการนำร่องนั้น “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นจริง แต่ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องดูอีกมากมาย เดี๊ยนถึงพยายามให้นักเล่นเข้าใจเกมเคาะขวาอุตลุดเที่ยวนี้มาจากที่ทุกคนเห็นผลกระทบในระยะสั้นไปในทางเดียวกันหมดแล้ว จึงไม่น่าจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้ไงล่ะคะ
*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังต้องออกมาย้ำเตือนกับแฟนคลับให้รู้ว่า การขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,250 จุดเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งสัปดาห์ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะถูกนักเล่นเทขายอย่างเลี่ยงไม่ได้ (ครั้งก่อนขึ้นไปแตะปุ๊บ โดนทุบลงไปกอง 1,200 จุดปั๊บ) จึงต้องเผื่อใจมุมเล่นตรงนี้อีกนิดหนึ่ง พร้อมกันนั้นอยากให้ทุกคนนึกถึงเรื่องปัจจัยพื้นฐานต้องหนุนหลังจริง ๆ ไม่เช่นนั้นการเล่นเที่ยวนี้จะออกไปในทางเทคนิคอย่างเดียว ซึ่งไม่เป็นประโยชน์สำหรับการลงทุนระยะกลางนะคะ
*เหมือนกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS ดันมาแสดงอาการขยันผิดเวลา ทั้งที่ความขยันดังกล่าวควรเอาออกมาใช้ก่อนขึ้น XD ส่งผลให้ราคาวานนี้ควรปิดในระดับ 3.46 บาท (ราคาปิดวันก่อน 4.94 บาท ลบปันผลออกไป 1.48 บาท) กลับเด้งขึ้นมาปิดบริเวณ 3.70 บาท ลบไป 1.24 บาท หรือลงไป 25.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.18 พันล้านบาทเฉยเลย..บรรดาแมงเม้าท์เลยแซวกันให้แซ่ดว่า เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?..อิอิอิ
*อีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความสับสนให้กับแมงเม่าสุด ๆ น่าจะเป็นสถานการณ์ของหุ้นลูกอ๊อด AOT หลังเด้งขึ้นมาปิดที่ 62 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.40 พันล้านบาท ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า รายได้จากสายการบินไม่มี รายได้ค่าเช่าร้านไม่เข้า แถมยังต้องแบกรับภาระอีกหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้ตัวเลขกำไรลงฮวบ! แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับวิ่งคึกเป็นม้าหนุ่มแบบนี้..มันไม่มีเหตุผลเลยพับผ่าซิ!
*เช่นเดียวกับในรายของพี่เทพ PTTEP ทะยานขึ้นมาปิดที่ 79 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.84 พันล้านบาท ยิ่งทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการงงเต็กยิ่งกว่ารายข้างต้นเสียอีก เพราะของมันเห็นกันตำตาในนาทีนี้ว่า ราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 20 เหรียญต่อบาร์เรล และตรงนี้กระทบต้นทุนในการขุดน้ำมันขึ้นมาขายอย่างแน่นอน จึงทำให้ทุกคนสงสัยกับท่าทีของกองทุนมากขึ้นไปอีกนะจ๊ะ
*คล้ายกับกรณีของหุ้น CRC ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากไม่แพ้กับเจ้าอื่น ๆ แต่ราคาหุ้นกลับบวกสวนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ 35.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่อาจมองเป็นเรื่องอื่นได้เลย นอกเสียจากเกมเงินต่อเงิน จึงขอเตือนแฟนคลับให้ระวังกันนิดหนึ่ง เดี๋ยวจะหาว่าคนสวยไม่เตือน..อิอิอิ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นสายการบิน AAV ทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.72 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 14.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 362 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยสักอย่าง “โมนิก้า” ถึงแปลกใจกับการเข้ามาไล่ราคาหุ้นแบบหูดับตับไหม้! พร้อมกับออกตัวทันทีว่า ไม่เห็นด้วยกับการวิ่งขึ้นของหุ้นที่ต้องแบกรับผลขาดทุนจำนวนมหาศาลนะตัวเอง
*นอกจากนี้ยังอยากให้แฟนคลับเอาเหตุการณ์ของหุ้น PLANB มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจกันสักนิดหนึ่ง เพราะเที่ยวก่อนหุ้นวิ่งขึ้นมาถึงระดับ 4.54 บาท ต่อจากนั้นไหลรูดลงมากองอยู่ที่ระดับ 3.70 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.30 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 310 ล้านบาท มันจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนกับก่อนหน้านี้ไหมเอ่ย ?
*ในเมื่อพวกกองทุนเข้ามาเล่นสุดซอย หุ้นน้ำแข็งใสยืนหนึ่งอย่าง AU ย่อมได้รับผลดีตามไปด้วยเต็ม ๆ วานนี้เลยฉวยโอกาสกระชากขึ้นมาปิดที่ 8.75 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาท “โมนิก้า” เม้าท์เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทันทีว่า ทั้งหมดเป็นเหตุผลทางใจมากกว่าเรื่องอื่น ๆ จึงไม่ต้องสนใจตัวเลขกำไรจะออกมาแย่แค่ไหน ? เพราะขอแค่กองทุนยังลุยต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องวอร์รี่เจ้าค่ะ