HMPRO กำไร Q1/63 ลดลงน้อยกว่าคาด!?

ในที่สุดทาง HMPRO แจ้งผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่าดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งกำไรลดลงก็จริงแต่ลดลงน้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์นั่นเอง


คุณค่าบริษัท

ในที่สุดทาง บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO แจ้งผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่า ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งกำไรลดลงก็จริงแต่ลดลงน้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์นั่นเอง

โดยผลการดำเนินงานของ HMPRO ในช่วงไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 สรุปว่าบริษัทมีรายได้รวมเพียง 15,333.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 16,553.01 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 1,266.52 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 1,419.84 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้จะเห็นว่ากำไรไตรมาส 1 ปี 2563 ลดลง 10.79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ถึงอย่างไรถือว่ากำไรลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงราว 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน !!!

เอาเป็นว่าการลดลงของกำไรไตรมาส 1 ปี 2563 นั้นเป็นเพราะผลจากยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่มาเลเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดบริการสาขาชั่วคราวในไทยตั้งแต่ 22 มี.ค. 2563 และสาขาในมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 2563 จากมาตรการ Lock-down ป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19  อย่างไรก็ตามรายได้การให้บริการ Home Service ยังเติบโตต่อเนื่อง

ขณะรายได้ค่าเช่าลดลง 178.82 ล้านบาท หรือ 31.89% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของการปิดสาขา และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจชั่วคราวเช่นกัน

ถึงอย่างไรก็ได้รับการชดเชยบางส่วนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก 25% ในงวดไตรมาส 1/2562 เป็น 25.70% จากเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง โดยเฉพาะสินค้า Private brand ของตนเองเพิ่มขึ้น ทั้งที่ โฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปร มาเลเซีย รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงราว 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้นในส่วนจากอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด จึงยังเป็นตัวช่วยให้บริษัทมีกำไรดีกว่านักวิเคราะห์คาดนั่นเอง !!!

อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่า แนวโน้มผลประกอบการจะต่ำสุดในไตรมาส 2/2563 จากการปิดสาขา 70-80% ในเดือน เม.ย. โดยปัจจุบันมีสาขาโฮมโปรที่เปิด 31 สาขาจากทั้งหมด 93 สาขาในไทย เมกาโฮมเปิด 8 สาขา จาก 14 สาขา ส่วนสาขามาเลเซีย 6 สาขาเริ่มกลับมาเปิดแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

ถึงอย่างไรก็ดี หากสาขาในไทยกลับมาเปิดได้ทั้งหมดคาดว่ายอดขายยังคงชะลอตัวในช่วงแรกก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่การจัดหาสินค้าจากซัพพลายเออร์ในไทยและการนำเข้าจากต่างประเทศมีผลกระทบไม่มาก เนื่องจากมีการวางแผนรองรับไว้ก่อนแล้ว และปัจจุบันซัพพลายเออร์บางส่วนเริ่มกลับมาผลิตตามปกติแล้ว

ทั้งนี้กำไรไตรมาส 1 ปี 2563 คิดเป็น 31% ของคาดการณ์กำไรปี 2563 จึงทำให้ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรปี 2563 เป็น 4,105 ล้านบาท ลดลง 34% แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวในปี 2564  เป็น 6,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52%

อีกทั้งฐานะการเงินแข็งแกร่ง คาดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.6 เท่า ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ -1 SD ของ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี แนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 3,975,878,432 หุ้น 30.23%
  2. บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 2,613,023,098 หุ้น 19.87%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 947,391,674 หุ้น 7.20%
  4. นายนิติ โอสถานุเคราะห์  622,515,762 หุ้น 4.73%
  5. สำนักงานประกันสังคม 299,283,012 หุ้น 2.28%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายมานิต อุดมคุณธรรม ประธานคณะกรรมการบริหาร, กรรมการ
  2. นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  3. นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการ
  4. นายรัตน์ พานิชพันธ์ กรรมการ
  5. นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการ

Back to top button