เทสต์โควิด + เฮลท์พาสปอร์ต = ฟื้นเศรษฐกิจ
*ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบรรยากาศของตลาดหุ้นทั่วโลกที่กลับมาเขียวสดใสอีกครั้งนั้น ล้วนเป็นผลมาจากข่าวดีเรื่องการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงทำให้ผู้คนทั่วโลกคาดหวังถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งจะกระตุ้นให้เม็ดเงินทั่วโลกเกิดการหมุนเวียนอีกครั้ง และจะช่วยหนุนให้ธุรกิจค้าขายทั่วโลกกลับเข้าสู่บรรยากาศคึกคักอีกหนพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบรรยากาศของตลาดหุ้นทั่วโลกที่กลับมาเขียวสดใสอีกครั้งนั้น ล้วนเป็นผลมาจากข่าวดีเรื่องการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงทำให้ผู้คนทั่วโลกคาดหวังถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งจะกระตุ้นให้เม็ดเงินทั่วโลกเกิดการหมุนเวียนอีกครั้ง และจะช่วยหนุนให้ธุรกิจค้าขายทั่วโลกกลับเข้าสู่บรรยากาศคึกคักอีกหนพะยะค่ะ
*ในระหว่างที่รอเวลาให้วัคซีนผลิตออกมาอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ก็มองเห็นความจำเป็นในการเร่งฟื้นเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม และควรพุ่งเป้าไปที่สิ่งที่สามารถทำได้ทันที ก็คือการทุ่มงบประมาณในการนำเข้าตัวเทสเตอร์โควิด-19 เพื่อเอามาตรวจเชื้อไวรัสมรณะให้กับคนทั้งประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยคืนชีวิตปกติให้กับพี่น้องชาวไทย และทำให้ความหวาดระแวงลดลงในทันทีเจ้าค่ะ
*ที่สำคัญคือวันนี้มีบริษัทในตลาดหุ้นและนอกตลาดหุ้น (กำลังจะเข้าตลาดฯ) ล้วนมีความพร้อมในการให้บริการดังกล่าว “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเดินเต็มตัวอีกครั้ง และหวังว่ารัฐมนตวย..อุ๊ย..รัฐมนตรี ในรัฐบาล “บิ๊กตู่” น่าจะเข้าใจคอนเซ็ปต์ที่เดี๊ยนเกริ่นให้ฟังแบบสั้น ๆ และขอให้เลิกพฤติกรรมฟัดกันเหมือน.. เพื่อแย่งเก้าอี้กันเสียที (สำเหนียกหน่อยว่า เรื่องไหนเร่งด่วนกว่ากัน) นะคะ
*จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือ เมื่อมีการตรวจเชื้อเสร็จสรรพ ก็จะมีแอปฯ “หมอชนะ” เข้ามาเป็นกำลังเสริม เพื่อทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องโล่งใจสุด ๆ เพราะระบบดังกล่าวเป็นการลงบันทึกข้อมูลคนดังกล่าวมีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำขนาดไหน ? โดยระบบดังกล่าวจะมีการจัดลำดับความเสี่ยงออกเป็นแต่ละชั้น เริ่มจาก “เขียว เหลือง ส้ม แดง” ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางไปที่ต่าง ๆ สะดวกขึ้นเจ้าค่ะ
*นั่นหมายความว่าประชาชนควรมีแอปฯ นี้ติดตั้งไว้ในโทรศัพท์ เพื่อทำให้สังคมไทยคลายความกังวล และไม่ต้องกลัวระบบปฏิบัติการณ์ดังกล่าวจะล้วงข้อมูลส่วนตัว เพราะข้อมูลจะรีเซ็ตใหม่ทุก ๆ 30 วัน และคนที่ดูข้อมูลการเดินทางไปที่ต่าง ๆ มีแค่ “หมอคนเดียว” และจะดูได้ต่อเมื่อคนนั้น “ติดเชื้อ” โดยระบบปฏิบัติการณ์อันนี้เขาเรียกกันว่า “Healthy Passport” ซึ่งเป็นการคิดค้นระบบของ “กลุ่มช่วยกัน” ภายใต้การนำทีมของ “สมโภชน์” และ “อมร” สองหัวเรือใหญ่แห่งอาณาจักร EA นะจะบอกให้
*ถามว่าทำไมให้พื้นที่กับเรื่องนี้มากเหลือเกิน! “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่าไม่ต้องการเห็นประเทศไทยซ้ำรอยประเทศอื่นที่ปลดล็อกดาวน์ได้ไม่ทันไร ต่อจากนั้นเกิดการระบาดรอบใหม่ทันที จึงอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนคิกออฟอย่างเป็นทางการ ผนวกกับเรื่องดังกล่าวก็เป็นการช่วยประเทศไทยทางตรง เดี๊ยนถึงไม่เหนียมอายที่ดันเรื่องนี้แบบสุดซอย (อู่ฮั่นกลับมาปกติได้ เขาก็ทำกันแบบนี้) นะจ๊ะ
*อีกช็อตที่น่าสนใจก็คือ การกระโดดลงมาช่วยแก้หนี้นอกระบบของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง MTC กับ SAWAD น่าจะมีส่วนอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบรากหญ้าได้ทันเวลาพอดี “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องความร่วมมือของภาคเอกชนมีส่วนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ และการเข้ามาตรงจุดนี้ก็มีแต่คำว่า win-win เดี๊ยนถึงรู้สึกแฮปปี้มาก ๆ เมื่อเหตุการณ์ร้าย ๆ กำลังเคลื่อนผ่านออกไปน่ะซี
*ฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิด 1,301.66 จุด บวกไป 18.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.91 หมื่นล้านบาท เพราะสถานการณ์วันนี้มาจากความเชื่อมั่นเป็นธงนำ บวกกับทุกคนมองว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดีขึ้น “โมนิก้า” เลยโล่งใจไปเปราะหนึ่งว่าอาการย่อตัวของตลาดหุ้นไทยน่าจะไม่รุนแรง จึงอยากจะทำอะไรก็เชิญลุยกันตามสบายนะจะบอกให้
*ป.ล.ย้ำกันอีกครั้งว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไป จึงต้องเผื่อใจกับการอ่อนตัวสักนิดหนึ่ง บวกกับห้วงเวลานี้เป็นจังหวะของการเล่นรอบเพื่อรอรับข่าวดี ส่งผลให้การเคาะสั้น ๆ น่าจะเวิร์กสุดเจ้าค่ะ