‘ผ่าบินไทย’ ประเคน ‘เจ้าสัว(S)’
*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเน่า ๆ ของสายการบินแห่งชาติ THAI เพราะมองใปมุมไหน ด้านไหน ก็มีแต่ขยะซุกใต้พรมเยอะแยะไปหมด จึงขอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบ “ห่าง ๆ แต่ห่วง ๆ” หลังมีผู้ทรงภูมิออกมาแสดงความคิดเห็นยั้วเยี้ยไปหมด ซึ่งเป็นมุกเดิม ๆ ที่เดี๊ยนเคยเห็นมาหลายทศวรรษ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาห่วยแตกเหมือนเดิมนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเน่า ๆ ของสายการบินแห่งชาติ THAI เพราะมองใปมุมไหน ด้านไหน ก็มีแต่ขยะซุกใต้พรมเยอะแยะไปหมด จึงขอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบ “ห่าง ๆ แต่ห่วง ๆ” หลังมีผู้ทรงภูมิออกมาแสดงความคิดเห็นยั้วเยี้ยไปหมด ซึ่งเป็นมุกเดิม ๆ ที่เดี๊ยนเคยเห็นมาหลายทศวรรษ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาห่วยแตกเหมือนเดิมนะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นช็อตที่ทำให้คนที่รู้ตื้นลึกเกิดความไม่สบายใจอย่างแรง เพราะพวกอีแร้งกำลังจ้องตาเป็นมันเพื่อรุมทึ้งซากเจ้าจำปี เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ยังมีของดีซ่อนไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยต่อยอดการทำธุรกิจแบบไม่เปลืองแรง เพราะบรรดาเจ้าสัวของประเทศไทยต่างรู้เช่นเห็นชาติสันดานนักการเมืองบ้านเรา มันเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองทั้งนั้น จึงไม่อยากเข้าไปเกลือกกลั้วด้วยไงล่ะคะ
*ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่วันนี้มีความตั้งใจปล่อยให้เจ้าจำปีต้องล้มละลาย เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะผ่าซากได้แบบถูกกฎหมาย และยังไม่มีใครมาโต้แย้งได้อีกด้วย “โมนิก้า” จึงต้องออกมาดักคอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายจากขุมทรัพย์แห่งนี้ และหวังว่าสังคมจะเกิดการตื่นตัวกับการปฏิวัติเจ้าจำปีรอบใหม่นะตัวเอง
*โดยสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกคือ โครงสร้างทางธุรกิจค่อนข้างเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองมาทุกยุคทุกสมัย มันก็มาจากเรื่องซื้อเครื่องบินใหม่เข้ามาประจำการ ซึ่งเป็นผลให้บริษัทต้องแบกรับผลขาดทุนเรื้อรังเป็นเวลาหลายปี และตรงจุดนี้เองกลายเป็นที่มาของการต้องผ่าองค์กรแยกเป็นส่วน ๆ เพื่อทำให้หน่วยธุรกิจอื่นเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันยังทำให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจอีกด้วยนะจ๊ะ
*สเต็ปดังกล่าวมันเข้าทางปืนชนิดจับวางเหมือนที่ เฮีย ศ. ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกระทรวงคมนาคมต้องการเป๊ะ ๆ เพราะมันทำให้แผนจับแยกส่วนธุรกิจเพื่อประเคนเจ้าสัวง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ไล่เรียงจาก 1.โยนซากธุรกิจสายการบินให้ไปตายเอาดาบหน้า ถัดมา 2.เป็นการเอาธุรกิจคลังสินค้าที่มีพื้นที่มากถึง 4 พันตารางเมตรไปให้เจ้าสัวที่ถนัดเรื่องโลจิสติกส์ ส่วนลำดับที่ 3.เป็นการเอาธุรกิจบริการภาคพื้น (Kiosk) ที่มีสัญญายาวถึงปี 2583 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 24% ไปให้เจ้าสัวที่ถนัดเรื่องระบบเจ้าค่ะ
*ส่วนลำดับที่ 4.เป็นการเอาครัวการบินไทยที่สามารถทำกำไรได้มากกว่าปีละ 2 พันล้านบาท ไปถวายให้กับเจ้าสัวที่ถนัดเรื่องขายอาหาร ส่วนสมบัติชิ้นที่ 5.เป็นการเอากิจการอื่น ๆ เช่น บำรุงรักษาเครื่องบิน สนับสนุนการขนส่ง และสินค้าปลอดภาษี ไปประเคนให้กับเจ้าสัวที่ยึดพื้นที่ทำมาหากินตรงนี้มาเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เรื่องนี้มีการพูดกันในวงลับ ๆ เพราะถ้าดูตามเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น มันทำให้ทุกคนแฮปปี้เอ็นดิ้งหมดนะคะ
*ที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือ แผนผ่าการบินไทยฉบับนี้เคยคิดกันไว้สักพัก (ไม่มีเจ้าสัวมาแจม) แต่เผอิญบรรดา MD เกิดอาการเกรงใจนักการเมืองที่คุมอยู่ข้างบนอีกที ทุกอย่างเลยแปรเปลี่ยนไปจากเดิมหมด แต่ทุกอย่างก็มาเข้าทางปืนในจังหวะนี้พอดิบพอดี บรรดาคนเขียนแผนเลยเกิดความกังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นการ “เตะหมูเข้าปากหมา” ซึ่งมันจะผิดไปจากเจตนารมณ์เดิมที่ตั้งใจไว้พะยะค่ะ
*สรุปไทม์ไลน์ทั้งหมดแบบง่าย ๆ คือ ล้มละลายก่อน ต่อจากนั้นเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะจับแยกธุรกิจที่กำไรออกไปข้างนอก (spin off) ขณะเดียวกันก็เร่งหาผู้ร่วมทุนรายใหญ่เข้ามาใส่เงินเพิ่มทุน ต่อจากนั้นก็ดันเข้าตลาดหุ้นอีกที ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เลย win-win กับทุนใหญ่ทุกฝ่าย “โมนิก้า” เลยมีปัญหาคาใจขึ้นมาทันทีว่า ทำไมไม่ทำเรื่องจับแยกหน่วยธุรกิจตั้งแต่ยังดี ๆ ล่ะคะ
*แทนที่คลังจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์ตั้งแต่เริ่มต้น และเพิ่มแวลูให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระดูกมาแขวนคอ “โมนิก้า” เลยมีความจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ชาติโดยตรง จู่ ๆ จะมาประเคนชิ้นปลามันไปให้กับกลุ่มทุนบางแห่ง มันไม่ถูกต้องเลย และอย่าได้แปลกใจที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเจ้าสัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมันเป็นการโยนหินถามทาง พร้อมกับสับขาหลอกไปในตัว..ส่วนเรื่องทั้งหมดจะจริงเท็จประการใด ก็ต้องติดตามกันต่อไป..น้องโมพูดได้แค่นี้!