พาราสาวะถี

ไม่ว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศไทยจะเป็นศูนย์หรือไม่ นั่นไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าเราประสบความสำเร็จในการป้องกันและกำจัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว หากแต่ถ้าประชาชนยังคงให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตัวในการเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด ไม่จำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ต้องมีเคอร์ฟิว ก็เชื่อได้เลยว่า สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล ถ้าประชาชนไม่รามือถ้าภาครัฐไม่การ์ดตก ทุกคนก็อุ่นใจได้


อรชุน

ไม่ว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศไทยจะเป็นศูนย์หรือไม่ นั่นไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าเราประสบความสำเร็จในการป้องกันและกำจัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว หากแต่ถ้าประชาชนยังคงให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตัวในการเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด ไม่จำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ต้องมีเคอร์ฟิว ก็เชื่อได้เลยว่า สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล ถ้าประชาชนไม่รามือถ้าภาครัฐไม่การ์ดตก ทุกคนก็อุ่นใจได้

เห็นเด่นชัดว่าการที่ประชาชนแทบทุกคนพากันสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือกันบ่อย ๆ เว้นระยะห่างทางสังคมกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่การป้องกันโควิด-19 เท่านั้น แต่ตัวเลขการเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจอย่างไข้หวัดใหญ่และอื่น ๆ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้ย้อนกลับไปหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ปีนี้ตัวเลขลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น หากจะเกิดชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal อย่างแท้จริงแล้ว เรื่องวินัยของประชาชนด้านสุขอนามัยน่าจะเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญและรณรงค์กันต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจที่มีการรีสตาร์ตกันล็อตใหญ่ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ด้วยข้อจำกัดที่ยังมีอีกมาก ทำได้แค่การคลายความกดดัน ตึงเครียด ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้แรงงาน และผู้ใช้บริการ ให้ได้เคลื่อนไหวมีรายได้หมุนเวียนเข้ามาเท่านั้น การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลาอีกนาน และต้องใช้มาตรการอีกหลายด้าน อันจะเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลจะได้โชว์ฝีมือบริหารด้านการสร้างความเปลี่ยนแปลง ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนกันอย่างเต็มที่

แต่สถานการณ์ทางการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาลเอง ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย แรงกระเพื่อมว่าด้วยการยึดคืนเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อมอบให้กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กุมบังเหียนบริหารอำนาจกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้น หากเป็นแค่การจัดระเบียบภายในพรรค เป็นการสกัดความอหังการของสี่กุมาร ทุกอย่างก็คงไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเห็นดีเห็นงาม ไม่ติดใจใดๆ ทุกอย่างก็เรียบร้อย รอพรรคจัดประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่างก็เป็นอันเอวัง

ในทางกลับกัน หากการขยับดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดระเบียบภายในพรรค หากแต่หมายถึงการวางฐานอำนาจเพื่อปูพื้นไปสู่การก้าวขึ้นไปเป็นใหญ่ในอนาคต นั่นก็หมายความว่า ท่านผู้นำกำลังอยู่ในอาการถอดใจ หรือเห็นว่าจังหวะเวลาดีที่จะลงจากหลังเสืออย่างสง่างามกำลังมาถึงแล้ว ขอให้แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เรียบร้อย พร้อมเสียงชื่นชมก็จะเปิดตูดกลับไปนอนผึ่งพุงที่บ้าน ก็เป็นจังหวะอันดีของพี่ใหญ่ที่จะมีโอกาสนั่งเก้าอี้สำคัญในบั้นปลาย จะได้ตายตาหลับ

ทว่าการเมืองไม่เคยมีความแน่นอน ยิ่งเวลาทอดยาวออกไปนานเท่าใด สิ่งที่ไม่คาดคิดมักจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ก็เหมือนอย่างกรณีโควิด-19 ใครจะไปคิดว่ามาเร็วเคลมเร็ว เปลี่ยนทุกอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัว นักการเมืองบางรายที่เดิมทีคิดว่าจะเข้ามาเป็นเสนาบดีสร้างผลงานประชานิยมที่พรรคของตัวเองได้หาเสียงไว้ เพื่อรอจังหวะที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดในระยะเวลาอันใกล้ มีอันต้องพบกับชะตากรรมที่ทำให้ถูกมองว่าบริหารไม่เป็นกันเลยทีเดียว

สุดท้าย จึงต้องเกิดการรวบอำนาจด้วยข้ออ้างเพื่อให้การบริหารงานเป็นเอกภาพ ด้วยเหตุนี้ในแวดวงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จึงมองว่าการรับมือโควิด-19 ที่ประสบความสำเร็จอยู่ในเวลานี้ จุดใหญ่ไม่ได้อยู่ที่กฎหมายหรืออำนาจใด ๆ ทางการเมือง หากแต่เป็นข้อเสนอแนะ กลวิธีที่คนในวงการแพทย์และสาธารณสุขได้ดำเนินการกันทั้งหมด ผนวกเข้ากับความร่วมมืออย่างแข็งขันของประชาชน จึงทำให้ทุกอย่างดูดี

ด้วยเหตุนี้ นายแพทย์ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนสติฝ่ายที่บริหารอำนาจว่า รัฐและหน่วยงานความมั่นคง ควรพิจารณาเรื่องที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่า เราฝ่าฟันวิกฤตระลอกแรกมาได้อย่างฉิวเฉียดเพราะประชาชนร่วมด้วยช่วยกันทำ และมีฝ่ายวิชาการอย่างโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ มาทักท้วงและเสนอแนะมาตรการจนเกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ทันเวลา

อย่างไรก็ตาม มุมความเห็นของนายแพทย์รายนี้ก็มีประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจและชัดเจนว่าพุ่งเป้าไปที่ใดและทำให้อดคิดไม่ได้ต่อการขยับที่เกิดขึ้นภายในพรรคแกนนำรัฐบาล  โดยนายแพทย์ธีระมีข้อเสนอให้ต้องพิจารณาว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการรวบอำนาจหลายกระทรวงภายใต้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พรรคใดพรรคหนึ่ง ที่จะเกิดโอกาสตัดสินใจใช้อำนาจบริหารไปในทางที่ไม่เหมาะสม จนอาจเกิดความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของประชาชน

เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์สนับสนุนการแข่งรถยามโรคระบาดขึ้นมาอีก  เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์หน้ากากปริศนา เจลปริศนา ขึ้นมาอีก เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ “ก็แค่หวัดธรรมดา” ขึ้นมาอีก นายกรัฐมนตรีควรพิจารณาจัดกระบวนทัพใหม่ สร้างสมดุลอำนาจใช้คนให้ถูกที่ รู้ว่าใครดีใครไม่ดี ไม่ว่าจะนักการเมืองหรือข้าราชการประจำก็ตาม ทั้งเรื่องกัญชายาเสพติดและเรื่องโรคระบาด…เป็น 2 เรื่องหลักที่เห็นชัดเจนมาก และน่าจะถึงเวลาที่จะปลดล็อกประเทศเสียที

ยิ่งประโยคสุดท้าย “ต้องไม่ให้รวบอำนาจทั้งสุขภาพ คมนาคม และท่องเที่ยวไว้เช่นเดิมครับ” ยิ่งไม่ต้องสืบว่าหมายถึงใคร พวกไหน นั่นหมายความว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้ว การขยับปรับเปลี่ยนในรัฐบาลจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะเป็นการโยกครั้งใหญ่เหมือนเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลกันรอบใหม่เลยทีเดียว ขณะที่สองพรรคร่วมสำคัญก็น่าจะรู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะเจอกับอะไรบ้าง มาถึงนาทีนี้พอจะเดาได้ว่าใครถือไพ่เหนือกว่า นี่แหละการเมืองความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

Back to top button