พาราสาวะถีอรชุน
น่าจะเป็นผลของการทำงานหนักเลยทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกอาการให้สัมภาษณ์ย้อนแย้งในคำพูดของตัวเองต่อกรณีการปรับ ครม. เพราะบิ๊กตู่เป็นคนบอกนักข่าวเองว่าโผของการปรับเปลี่ยนนั้นเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว รอเพียงกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้น ก่อนที่จะบอกนักข่าวว่าไม่อยากให้นำเสนอข่าวนี้เกรงว่ารัฐมนตรีจะเสียกำลังใจ
อรชุน
น่าจะเป็นผลของการทำงานหนักเลยทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกอาการให้สัมภาษณ์ย้อนแย้งในคำพูดของตัวเองต่อกรณีการปรับ ครม. เพราะบิ๊กตู่เป็นคนบอกนักข่าวเองว่าโผของการปรับเปลี่ยนนั้นเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว รอเพียงกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้น ก่อนที่จะบอกนักข่าวว่าไม่อยากให้นำเสนอข่าวนี้เกรงว่ารัฐมนตรีจะเสียกำลังใจ
สรุปแล้วท่านจะเอายังไงกันแน่ ก็เป็นคนบอกเองว่าจัดโผเสร็จแล้ว แสดงว่าต้องมีคนถูกปรับออก แล้วทำไมจึงต้องกลัวจะเสียกำลังใจ หรือว่านี่คือวิถีคนดีผู้ดีที่รู้สึกเกรงอกเกรงใจกันจนวินาทีสุดท้าย ทั้งๆ ที่ความจริงหากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าผลงานไม่เป็นที่พอใจยิ่งในภาวะที่ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ยิ่งต้องเร่งปรับเปลี่ยนคนทำงาน
เป็นอันว่าเมื่อท่านผู้นำตัด (สิน) ใจจะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง ก็หวังว่าคนใหม่ที่ดึงเข้ามาจะมีฝีไม้ลายมือและเป็นที่เชื่อถือเชื่อมั่นของภาคเอกชนและประชาชน ส่วนจะเติมขุนพลฝ่ายทหารที่เกษียณอายุราชการกันไปนั้น เต็มที่ก็น่าจะปูนบำเหน็จกันในเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย เพราะนอกจาก พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหมอยู่แล้ว คนอื่นๆก็ไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายกับการยึดอำนาจมาตั้งแต่ต้น
ดังนั้น ความเกรงใจที่จะต้องจัดสรรปันส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กับอดีตผู้นำเหล่าทัพชุดเกษียณจึงแทบจะไม่มีปัญหา ที่น่าจับตามองคงเป็นบรรดาเหล่าขุนทหารที่มีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาลปัจจุบันมากกว่าใครจะถูกโยกสับเปลี่ยนย้ายกระทรวง หากยึดตามโพลที่มีออกมาก่อนหน้า เพื่อนรักนายกฯ อย่าง “บิ๊กนมชง” พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เจ้ากระทรวงพาณิชย์ก็อยู่ในข่าย
เช่นเดียวกันกับ พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม รายนี้คงไม่ได้อยู่ที่ตัวชี้วัดภาคประชาชน แต่จะเป็นการประเมินผลงานที่ว่าด้วยการผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์มากกว่า เพราะจนป่านนี้ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เริ่มลงทุนในโครงการไหน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่กดดันบิ๊กตู่อยู่ไม่น้อย
สิ่งสำคัญคือ รายชื่อของนายทหารทั้งสองรายหากจะเกิดการโยกย้ายเป็นที่คาดหมายว่า หนึ่งคนจะไปนั่งว่าการกระทรวงพลังงานแทนที่ของ ณรงค์ชัย อัครเศรณี นี่เป็นแค่น้ำจิ้ม ตามกระแสข่าวที่กระเส็นกระสายกันออกมา ของจริงคงต้องรอกันอีกระยะหลังจากที่มีการจัดโผเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการทหารบกลงตัวแล้ว
ส่วนรายของ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม หากถูกปรับออกจริง น่าจะถึงเวลาที่ต้องกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ไม่น่าจะมีโอกาสกลับมาทำแฮตทริกในแง่ของความล้มเหลวจากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ นับตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหารของ คมช.มาถึง คสช.
สำหรับเก้าอี้ ผบ.ทบ.ว่าด้วยแคนดิเดตที่เหลือแค่สองราย ที่ตามกวนใจบิ๊กตู่ตลอดคงหนีไม่พ้นรายของ “บิ๊กติ๊ก” พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายร่วมสายเลือด เมื่อวันก่อนก็ตอบคำถามนักข่าวพร้อมปกป้องน้องรักว่า“ทำผิดอะไร” ตามมาด้วยการยกตัวอย่างอดีตนายกฯ และรัฐมนตรีของรัฐบาลเลือกตั้งที่นามสกุลเดียวกัน ไม่เห็นมีใครโจมตี
พอจะเข้าใจหัวอกคนเป็นพี่ชาย แต่จะไปเทียบเคียงกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่ได้ เพราะจะดีเลวอย่างไรเขาก็มีกระบวนการตรวจสอบ ทั้งจากฝ่ายค้านและภาคประชาชน หากไม่โปร่งใสก็อยู่ไม่ได้ ตรงนี้ท่านผู้นำรู้ดีอยู่แล้วและก็ย้ำมาโดยตลอด การได้อำนาจมาจากการรัฐประหารแล้วไปตั้งแต่เครือญาติมามีตำแหน่งในกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ย่อมหนีไม่พ้นข้อครหา
ถ้าจำกันได้เมื่อต้นปีบิ๊กตู่เคยประกาศไว้ว่า ”วันนี้ไม่มีคำว่าน้องชาย มีแต่ข้าราชการกองทัพบก” ทุกคนก็หวังไว้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายในระดับนี้มีอะไรที่สามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา แต่การันตีได้ว่า งานนี้ไม่มีตาอยู่ มีแต่บิ๊กติ๊กกับ “บิ๊กหมู”พลเอกธีรชัย นาควานิช สองผู้ช่วยผบ.ทบ.เท่านั้นที่จะเข้าวิน
ทั้งนี้ก่อนที่จะไปถึงตำแหน่งใหญ่ในกองทัพบก ว่ากันว่า ให้จับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติหรือกตช.ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้เสียก่อน หากรายชื่อว่าที่ ผบ.ตร.ลงล็อกที่อาวุโสอันดับหนึ่งคือ พลตำรวจเอกเอก อังสนานนท์ นั่นหมายความว่าเก้าอี้ ผบ.ทบ.จะตกเป็นของบิ๊กหมูค่อนข้างแน่ แต่หากไม่ใช่เจ้าตัวก็ต้องทำใจแล้วหันไปชูมือให้บิ๊กติ๊กที่จะวิ่งเข้าเส้นชัยไป
เรื่องของอำนาจไม่เข้าใครออกใครจริงๆ หลังจากที่ทำตัวไม่อยากจัดการเลือกตั้งและยังโพสต์ภาพถ่ายร่วมกับบรรดาม็อบกปปส. มาวันนี้ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งออกมาตอบโต้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างดุเดือดจากปมที่ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯเสนอให้มีการเลือกตั้งกกต.และเห็นว่ากกต.ทุกชุดที่ผ่านมาไร้ผลงาน
กกต.สมชัยเดือดดาลถึงขั้นบอกว่าทิดเทพเทือก”ความจำเสื่อม”หรือไม่ก็ทำผิดศีลข้อ 4 คือพูดปด ตามมาด้วยการฟื้นความจำอย่างเจ็บแสบว่า ผลงานของ กกต.ชุดนี้ที่สำคัญคือให้ใบแดงการเลือกตั้งนายกอบจ.และสมาชิกอบจ.เขตเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงการให้ใบเหลือง หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จากที่กล่าวปราศรัยใส่ร้ายคู่แข่ง ซึ่งทิดเทพเทือกมีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 2 กรณี
ไม่เพียงเท่านั้น สมชัยยังอัดทิดเทือกต่อว่าข้อเสนอดังว่าเป็นการใช้ตรรกะวิบัติ ไร้สาระทางการเมืองที่สุด เพราะจะทำให้การเมืองแทรกแซงแล้วได้กกต.ของนักการเมือง ถือเป็นมวยถูกคู่ พวกไก่เห็นตีนงูของจริง แต่อีกมุมก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ ถ้าเดินตามกระบวนการประชาธิปไตย ตั้งใจจัดการเลือกตั้ง สถานการณ์คงไม่เป็นเช่นนี้ แต่เมื่อเลือกที่จะร่วมโบกมือเรียกทหารออกมาล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ก็ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอย่างช่วยไม่ได้