TRUE ต้นทุนกินกำไร
กลับมาสะกดคำว่า “กำไร” ไม่เป็นอีกครั้ง..!! สำหรับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE หลังงบไตรมาสแรกปี 2563 พลิกมาขาดทุน ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดจะขาดทุน และนักลงทุนก็รับรู้ไปแล้ว
สำนักข่าวรัชดา
กลับมาสะกดคำว่า “กำไร” ไม่เป็นอีกครั้ง..!! สำหรับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE หลังงบไตรมาสแรกปี 2563 พลิกมาขาดทุน ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดจะขาดทุน และนักลงทุนก็รับรู้ไปแล้ว
หลังจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC แจ้งงบออกมาไม่ค่อยน่าภิรมย์…
การขาดทุนของ TRUE ครั้งนี้ เกิดจากแผลเป็นจากต้นทุนทางการเงินที่เป็นภาระมากว่าสองทศวรรษ เนื่องจาก TRUE ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว…อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) สูงกว่า 3 เท่า…
อีกทั้งมีภาระการลงทุนเพิ่ม เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันอีก
เรียกว่าหนี้เดิมก็มีอยู่ แถมมีหนี้ใหม่พอกขึ้นมาอีก…สิ่งที่ตามมา ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายก็เพิ่มขึ้น
เห็นได้ชัดจากงบไตรมาส 1/2563 ที่มีผลขาดทุน 161 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่งบไตรมาส 1/2562 กำไรสุทธิสวยหรูที่ 1,508 ล้านบาท
ที่จริงถ้าดูรายได้รวมของ TRUE ถือว่าทำได้ดี อยู่ที่ 34,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 32,681 ล้านบาท
หลัก ๆ มาจากรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 3% อยู่ที่ 26,600 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการให้บริการทรูมูฟ เอช อยู่ที่ 20,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าใหม่ในระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น 300,000 ราย
ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 มีลูกค้ารวมอยู่ที่ 30.3 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าระบบรายเดือน 8.6 ล้านราย และลูกค้าระบบเติมเงิน 21.7 ล้านราย ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการรวม ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 213 บาท
ส่วนรายได้จากการให้บริการทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้น 3.1% เป็น 9,100 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้น 4.7% อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท โดยมีจำนวนลูกค้าใหม่ 55,000 ราย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 มีลูกค้ารวมอยู่ที่ 3.9 ล้านราย
และรายได้จากการให้บริการทรูวิชั่นส์ ลดลงมาอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจบันเทิง การโฆษณา สปอนเซอร์และรายได้อื่น ๆ ลดลง
ขณะที่ EBITDA อยู่ในระดับเติบโตดีที่ 12,219 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,584 ล้านบาท ส่วนกำไรจากการดำเนินก็ปรับเพิ่มขึ้น 52.1% อยู่ที่ 2,326 ล้านบาท
แต่น่าเสียดาย…ไปเจอค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นจาก 6,055 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2562 เป็น 9,894 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2563 และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 1,634 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2562 เป็น 3,839 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2563
กดดันกำไรบรรทัดสุดท้าย…เลยพลิกมาขาดทุนอย่างที่เห็น
TRUE จึงตกอยู่ในสภาพต้นทุนกินกำไร…
แต่น่าแปลกราคาหุ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา กลับวิ่งสวนตัวเลขขาดทุนซะงั้น โดยปิดตลาดที่ระดับ 3.30 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 675 ล้านบาท
เอ๊ะ..!! หรือนักลงทุนจะชินชากับหุ้นตัวนี้ที่ผลประกอบการวนเวียนอยู่กับวงจรขาดทุนอยู่เรื่อย ๆ ไปแล้ว ก็ไม่รู้สินะ…
…อิ อิ อิ…