เม่าลุยแหลก
*วันนี้มีความจำเป็นที่ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงพลพรรคแมงเม่ามากเป็นพิเศษ หลังดัชนีพุ่งพรวดขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,300 จุดอย่างรวดเร็ว และยังพยายามเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากเรื่องค้นพบวัคซีนป้องกันไวรัสมรณะ เดี๊ยนมองเป็นช็อตที่ทุกคนต้องกลับมาทำความเข้าใจอีกรอบว่าต้องมองเรื่องดังกล่าวทั้ง “ด้านบวก” และ “ด้านลบ” นะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้มีความจำเป็นที่ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงพลพรรคแมงเม่ามากเป็นพิเศษ หลังดัชนีพุ่งพรวดขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,300 จุดอย่างรวดเร็ว และยังพยายามเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากเรื่องค้นพบวัคซีนป้องกันไวรัสมรณะ เดี๊ยนมองเป็นช็อตที่ทุกคนต้องกลับมาทำความเข้าใจอีกรอบว่าต้องมองเรื่องดังกล่าวทั้ง “ด้านบวก” และ “ด้านลบ” นะจะบอกให้
*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากผู้รู้หลายรายยืนยันตรงกันว่า ต้องใช้เวลานานร่วมครึ่งปีถึงจะมีวัคซีนมาใช้จริง ๆ ส่งผลให้ตอนนี้ต้องรอคอยด้วยความหวังต่อไปอย่างไม่มีกำหนด “โมนิก้า” ถึงมองการเล่นหุ้นเที่ยวนี้อิงข่าวในลักษณะโอเวอร์รีแอ็กต์เกินไปหน่อย จึงต้องเคาะขวาด้วยความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะดัชนีขึ้นมาถึงบริเวณที่เรียกกันว่า โอเวอร์แวลูแล้วน่ะซี
*ด้วยข้อมูลดังกล่าวที่มีการเม้าท์ถึงเป็นระยะ “โมนิก้า” เลยมีความจำเป็นต้องถามถึงความเสี่ยงที่ดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,322.20 จุด บวกไป 12.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.76 หมื่นล้านบาท มีมากไหม ? ขณะเดียวกันก็พบว่าวานนี้แมงเม่าทำการ take profit ไปแบบเบา ๆ 415 ล้านบาท แต่กลับมียอดซื้อสะสมในเดือน พ.ค. สูงถึงระดับ 1.70 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปี 63 ตัวเลขซื้อดังกล่าวก็ทะลุขึ้นไปถึงระดับ 1.33 แสนล้านบาทเลยทีเดียวนะจ๊ะ
*สำหรับแนวความคิดที่ทำให้แมงเม่าลุยแหลกมาจากความเชื่อเกี่ยวกับผลงานในไตรมาส 2 น่าจะออกมาแย่สุด ๆ และเมื่อย่างเข้าสู่ไตรมาส 3 ทุกอย่างจะเริ่มฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนจะพีกสุดในฤดูจับจ่ายใช้สอยช่วงไตรมาส 4 “โมนิก้า” เลยถือโอกาสร่วมอนุโมทนาสาธุ และขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นจริงเหมือนที่คิดด้วยเถิด เนื่องจากพวกลูกช้าง..อุ๊ย..แมงเม่า อดอยาก..ปากแห้ง..มานานพะยะค่ะ
*ขนาดหุ้นนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA ยังทะยานขึ้นมาปิดที่ 13.90 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ แถมรอบการขึ้นเที่ยวนี้ก็มาทรงเดียวกับหนก่อน “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่าหุ้นจะยืนระยะได้นานแค่ไหน ? เพราะเมื่อประเมินในมุมต่าง ๆ ที่มีผลกับธุรกิจอย่างรอบด้าน มันไม่มีมุมไหนที่ทำให้เชื่อว่าหุ้นจะไปต่อนะตัวเอง
*เช่นเดียวกับในรายของเจ้าพ่อสื่อสาร ADVANC วิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 191.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.94 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์โดยตรงกับผลงานในอนาคตน่าจะดีขึ้น บรรดาแฟนคลับถึงหวนกลับเข้ามาไล่หุ้นอีกรอบ แต่เมื่อสำรวจจากสถานการณ์รอบด้านเป็นที่ตั้ง เดี๊ยนเม้าท์ได้ทันทีว่าเร็วไปที่จะบอกกำไรฟื้น หลังเห็นคนตกงานทั่วบ้านทั่วเมือง (กำลังซื้อหด) เจ้าค่ะ
*คล้ายกับกรณีของหุ้นบันเทิงเริงรำ WORK ต้องอาศัยกินบุญเก่ามาระยะหนึ่ง และยังไม่รู้ชะตาชีวิตจะกลับมาดีได้อีกเมื่อไหร่ ? เดี๊ยนถึงรู้สึกแปลกใจเหลือเกินที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.80 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 414 ล้านบาท เพราะของมันเห็นเต็มสองลูกตาว่า อีเว้นต์จัดไม่ได้อีกนาน แถมธุรกิจคอนซูมเมอร์ที่มีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลชะลอแผนใช้เงินในการโฆษณาไม่มีกำหนด หุ้นมันจะไปต่อได้อย่างไรล่ะคะ
*อีกหนึ่งตัวอย่างที่ “โมนิก้า” อยากชี้ให้เห็นว่าหากพื้นฐานไม่สัมพันธ์กับราคาหุ้น สุดท้ายหุ้นก็ต้องอ่อนตัวลงไปควานหาฐานเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ AWC หลังราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการสวนทางกับดัชนีที่กำลังขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.56 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 467 ล้านบาท น่าช้อนไหม ?
*ส่วนรายที่ไล่ราคาแบบหูดับตับไหม้อย่าง CBG ถือเป็นช็อตที่ไม่มีใครเกี่ยงงอนอะไรทั้งสิ้น เพราะตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ออกมาในแนวจัดใหญ่ไฟกะพริบ แถมตัวเลขกำไรก็คิดเป็นเกือบครึ่งของผลงานในปี 62 “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 98.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท เพราะมันเป็นช็อตไหลตามน้ำที่ยากจะปฏิเสธได้น่ะซี
*ตบท้ายกันที่หุ้นเงินทุนและหุ้นลีสซิ่งต่างตีปีกกันยกใหญ่ หลังมีการประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0.50% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย ก็เป็นประเด็นที่ทำให้ขาลุยได้เล่นหุ้นกลุ่มนี้อีกพักใหญ่ ๆ เลยล่ะค่ะ