พาราสาวะถี

อรชุน

ประเทศใดในโลกนี้ไม่มีแน่นอน วิธีคิดและแก้ปัญหาแบบศรีธนญชัย โดยเฉพาะการที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจของไทย ได้เนติบริกรปลาไหลใส่สเก็ตมานั่งข้างกายทำให้การแก้ไขในเรื่องต่าง ๆ เอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี กรณีการบินไทยนั่นเป็นตัวอย่างหนึ่ง กลวิธีที่ใช้หลังจากปล่อยให้ลากยาวผ่านอำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาได้ แล้วมาเคาะกันเอาในห้วงเวลาแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแน่นอน ส่วนผลดีผลร้ายจะตกกับใครนั้นนั่นอีกเรื่อง

ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุด เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบเนติบริกรที่รักของท่านผู้นำ มีคำถามเรื่องการยืดอายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้ทำให้ทูตมะกันงุนงงจนไม่รู้จะถามอะไรหรือไม่ มิหนำซ้ำ ในการให้สัมภาษณ์มือกฎหมายรายนี้ยังบอกอีกต่างหากว่า สิ่งที่ทูตรายนี้ถามไม่ได้มีนัยความหมายใดทางการเมือง เป็นเพียงแค่ “ถามเพราะความอยากรู้” เท่านั้น ไม่รู้ว่าความหมายเดียวกันกับคำว่าจุ้นหรือเสือกที่ผู้ดีเขาพูดเพื่อบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นหรือเปล่า

แต่เหล่านั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะการก้าวเดินของรัฐบาลสืบทอดอำนาจเวลานี้ ไม่มีอะไรที่จะมาขวางได้อีกแล้ว หากไม่สะดุดขาตัวเอง เนื่องจากเสียงในสภาจากเดิมทีที่ปริ่มน้ำ หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่และมีการเลือกตั้งในหลายเขต เสียงก็เปลี่ยนไปในทันทีทันใด ยิ่งเห็นการยกธงขาวไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 4 ลำปางของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของตัวเองแท้ ๆ ย่อมเป็นสัญญาณให้เห็นความไม่ปกติทางการเมืองอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพราะแพ้ซ้ำซากจากการเลือกตั้งซ่อมหลายหนที่ผ่านมาทั้งผู้แทนของพรรคนายใหญ่และจากพรรคฝ่ายค้านเองก็ตาม หากแต่มีหลายมุมที่ต้องขบคิด ด้วยสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหลังจากนี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง หากรัฐบาลนี้ไร้น้ำยาที่จะแก้ไข ไม่สามารถพลิกฟื้นให้ทุกอย่างกลับคืนมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น แม้จะใช้พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทเพื่อเข้าไปเยียวยาและฟื้นฟูก็ตาม

หากปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องยังดำรงอยู่หนักหน่วงเช่นปัจจุบัน บนความเชื่อทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามผู้กุมอำนาจ ก็มองเห็นหนทางว่าเส้นทางที่รัฐบาลจะเดินกันต่อไปข้างหน้านั้นมีแต่หุบเหวหายนะรออยู่ รอดูเพียงแค่ว่าจะสะดุดหกล้มเมื่อไหร่เท่านั้น ขณะเดียวกันการเหยียบตาปลาขัดขากันเองทั้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาล และระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ต่างก็เป็นปัจจัยที่เชื่อกันว่า น่าจะทำให้การคงอยู่ในอำนาจของผู้นำเผด็จการสืบทอดนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ต่อให้อยู่ยาวแบบครบเทอม ก็เป็นการอยู่แบบมีบาดแผล ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องเร่งรีบที่จะต้องชักธงรบ บนปัจจัยทางการเมืองที่เห็นชัดว่า ด้วยกติกาเช่นนี้ ด้วยปัจจัยทางกระสุนและอำนาจที่มีอยู่ สู้ไปก็พ่ายแพ้อยู่ดี ประกอบกับหากใช้การเลือกตั้งซ่อมที่ลำปางเป็นตัวชี้วัดดัชนีความนิยมของฝ่ายรัฐบาล ถ้าชนะก็จะทำให้มั่นใจได้ว่า สามารถกุมความได้เปรียบไว้อยู่หมัดแล้ว จึงจะเกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ลากยาวกันมาจนคนลืมไปแล้วว่าต้องมีเลือกตั้ง จะได้ดำเนินการกันเสียที

เมื่อถึงเวลานั้น จะเป็นจังหวะที่ฝั่งของนายใหญ่จะได้พิสูจน์ความภักดีของคนในเครือข่าย เป็นการตรวจเช็กฐานคะแนนเสียงกันล็อตใหญ่ ซึ่งจะมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินการเลือกตั้งใหญ่ในครั้งต่อไป หากทุกอย่างยังเหนียวแน่น ไพร่พลที่เคยดูแลยังรักใคร่เชื่อมั่นกันอยู่ ก็จะเป็นการส่งสัญญาณย้อนกลับไปยังฝ่ายกุมอำนาจว่า อย่าได้ประมาทพลังของฝ่ายตรงข้ามเป็นอันขาด อย่าลืมว่าคนแดนไกลไม่เคยจะสยบยอมแบบราบคาบต่อการถูกกระทำอยู่แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ฟากฝั่งฝ่ายค้านกำลังเฝ้ารอคือ ขอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายหายไป เพื่อที่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองอันเป็นเรื่องของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา จะได้กลับมาคึกคักและสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อฝ่ายสืบทอดอำนาจอีกรอบ หลังจากที่ทำท่าว่าจะจุดติดก่อนที่โควิดจะมา ถ้าเป็นเช่นนั้น นั่นหมายถึงว่า โอกาสที่จะเกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพลังของปัญญาชนและประชาชนจะมีมากขึ้น

ประสาคนการเมืองต่างอ่านเกมกันขาดอยู่แล้วว่า ต่อให้มีการยุบสภาวันนี้พรุ่งนี้ แล้วต้องเลือกตั้งภายใต้กติกาแบบเดิม อย่างไรเสีย ฝ่ายตรงข้ามขบวนการสืบทอดอำนาจก็ไม่มีทางจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะยังมีเสียง 250 ส.ว.ลากตั้งเป็นกับดักร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ฝ่ายที่จะแย่งชิงอำนาจต้องรวบรวมเสียงให้ได้เกินกว่า 376 เสียงซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ตราบใดที่ยังมีการเลือกตั้งโดยใช้บัตรใบเดียวและใช้สูตรคำนวณส.ส.เอื้ออาทรอยู่

ดังนั้น แทนที่จะเสียเวลาไปกับการเตรียมคนเลือกตั้งซ่อมเพื่อที่จะแพ้ สู้เอาเวลาไปเตรียมการสำหรับอนาคตดีกว่า ข่าวที่ว่าเพื่อไทยแตกกอไปตั้งพรรคหวังแย่งเสียงในระบบบัญชีรายชื่อ จึงเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธกันไม่ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะมีดราม่าเกิดขึ้นจากแทนที่จะเป็นการแยกกันไปโตเพื่อร่วมกันตี คนกันเองกลับมาดักคอว่า อย่าหนีไปตั้งพรรคเพราะไม่ชอบ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปเสียฉิบ ซึ่งจะว่าไปนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่รับรู้กันอยู่แล้วภายในพรรคนายใหญ่

อย่างไรก็ตาม หากเป็นนักการเมืองมืออาชีพย่อมเข้าใจสัจธรรม พรรคการเมืองใหญ่เรื่องความแตกแยก แบ่งพวกตั้งมุ้ง เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะนั่นหมายถึงพลังต่อรองทางการเมือง ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำของพรรคการเมืองนั้นจะตามทันและเอาอยู่หรือไม่ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในพรรคสืบทอดอำนาจ หากจัดสรรผลประโยชน์กันลงตัว ที่ขู่ฟ่อ ๆ กันก่อนหน้าก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ส่วนพี่ใหญ่ถ้าสถานีต่อไปสิ่งที่ฝันไว้ในบั้นปลายไม่มีทางจะก้าวไปถึงเพราะน้องเล็กยังไม่ยอมวางมือ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงให้เหนื่อยเปล่า