เปิดแก๊ปแล้ว..ต้องปิดแก๊ป
*หากดูรูปแบบการลงทุนอิงกับสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” กล้าเม้าท์ทันทีว่าการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นอะไรที่ดูง่ายมากเมื่อเทียบกับหุ้นรายตัวที่เทรดกันอย่างคึกคัก เพราะของมันเห็นตำตาถึงรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้มาด้วย “ความหวัง” มากกว่าเรื่องปัจจัย “พื้นฐาน” ส่งผลให้การเคาะหุ้นในแต่ละไม้ถูกอิงด้วยเรื่องสัญญาณเทคนิคมากเป็นพิเศษก็เท่านั้นเองพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากดูรูปแบบการลงทุนอิงกับสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” กล้าเม้าท์ทันทีว่าการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นอะไรที่ดูง่ายมากเมื่อเทียบกับหุ้นรายตัวที่เทรดกันอย่างคึกคัก เพราะของมันเห็นตำตาถึงรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้มาด้วย “ความหวัง” มากกว่าเรื่องปัจจัย “พื้นฐาน” ส่งผลให้การเคาะหุ้นในแต่ละไม้ถูกอิงด้วยเรื่องสัญญาณเทคนิคมากเป็นพิเศษก็เท่านั้นเองพะยะค่ะ
*ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปดูดัชนีมีการเปิดกระโดดพร้อมกับมีการเปิดแก๊ปทิ้งไว้เมื่อสองวันก่อน จึงมีความจำเป็นต้องปิดแก๊ปที่เปิดไว้บริเวณ 1,320 จุดเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะขยับขึ้นรอบใหม่อย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ซีเรียสเลยสักอย่าง แถมยังเป็นการเขย่าแรงเทขายให้สะเด็ดน้ำไปในตัวอีกด้วยแบบนี้..มันหมายถึงโอกาสซื้อ “ของดี ราคาถูก” เวียนมาบรรจบอีกครั้งนะจ๊ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดตัวลงไปถึงระดับ 1,328.07 จุด ก่อนจะเด้งกลับมาปิดที่ระดับ 1,345.11 จุด บวกไป 9.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.86 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการสะท้อนภาพนักเล่นกำลังรอช้อนหุ้นเป็นจำนวนมาก ดัชนีถึงอยู่ในลู่ทางที่ดีเหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงมองการย่อตัวในแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะเป็นการลดดีกรีความร้อนแรง และเข้าสู่โหมดของการปรับสมดุลตลาดหุ้นไทยอย่างเป็นทางการน่ะซี
*เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นกระบือ CBG ก็อาศัยผลงานสุดแสนเจ๋งเป้งเป็นตัวเดินเรื่อง ผสานกับมีการบิลต์อารมณ์ด้วยข่าวกองทุนมาขอแบ่งหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อข่าวจริงปรากฏสู่สาธารณชน แรงเทขายก็สาดออกมาไม่ยั้งเช่นกัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 95.50 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.31 พันล้านบาท คงบอกได้แค่ว่า จบแล้วค่ะนาย!
*คล้ายกับกรณีของ STA ทะยานขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 26.25 บาท บวกไป 2.85 บาท หรือขึ้นไป 12.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.93 พันล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้มองเป้าไว้แค่ระดับ 25 บาทบวกลบนิดนิดหน่อย ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาพูดถึงเรื่อง take profit เพราะเริ่มมองไม่ออกว่าหุ้นยังมีอัพไซด์ให้วิ่งอีกเยอะหรือเปล่าเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันกลับมามองหุ้นตราดอกบัว BBL เพื่อชี้ให้เห็นเวลากองทุนเข้าลุยหุ้นแบงก์อีกรอบ ราคาหุ้นมักหวือหวาอย่างไม่น่าเชื่อ และการที่หุ้นขึ้นมายืนเหนือ 100 บาท ด้วยการปิดไปที่ระดับ 102.50 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.89 พันล้านบาท ย่อมเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นต้องมองไปข้างหน้าว่าเอาสตอรี่ไหนมาเล่น ? เพื่อจะได้คำนวณว่าหุ้นควรได้ไปต่อไหม..อิอิอิ
*เหมือนกับในรายของหุ้นยางมะตอย TASCO อาศัยจังหวะภาวะตลาดหุ้นเด้งกลับ ก็ตะบึงขึ้นพรวดพราดแบบไม่ทันตั้งตัว จนสุดท้ายหุ้นขึ้นมาปิดที่ 22.60 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 9.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาท “โมนิก้า” กลับมองเป็นจุดของการทำกำไรแบบไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว เพราะบริเวณนี้เป็นยอดเดิมที่หุ้นเคยโดนขายทิ้งมาหลายรอบ เดี๊ยนเลยไม่มั่นใจว่าหุ้นจะไปต่อก็เท่านั้นเองจ้า!
*อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดสุดในเที่ยวนี้ต้องยกให้ THANI หลังมีแรงขายถล่มออกมาไม่หยุดหย่อน จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 3.84 บาท ลบไป 0.24 บาท หรือลงไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 525 ล้านบาท ล้วนเป็นผลพวงมาจากการเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลในสัดส่วน 2:1 ซึ่งมองในมุมไหน ด้านไหน ราคาหุ้นก็ไดลูทอย่างต่ำ 30% เดี๊ยนถึงมองเกมนี้ต้องเล่นเร็วอย่างเดียวถึงจะเซฟตัวเอง เพราะในเร็ว ๆ นี้คงต้องดันหุ้นอีกรอบเจ้าค่ะ
*ส่วนที่ดันมันเหลือเกินอย่าง AU กลายเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ต้องเม้าท์แตกกันหน่อย หลังกระชากขึ้นพรวดเดียวมาปิดที่ 10.90 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 13.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 325 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของผลงานที่เชื่อกันว่าน่าจะกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ จึงทำให้ขาประจำเข้ามาไล่หุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย จนค่า P/E พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 41 เท่าแบบนี้..ไม่น่าพิสมัยเลยจริง ๆ นะจ๊ะ