เซนติเมนต์ไป แต่พื้นฐานไม่มา.!?

ถือเป็นข่าวดีสุด ๆ หลังมีการปลดล็อกเฟส 3 ให้ธุรกิจที่มีความเสี่ยงมาก อย่างโรงภาพยนตร์และสปา กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ขยายเวลาเปิดได้ถึง 21.00 น.


สำนักข่าวรัชดา

ถือเป็นข่าวดีสุด ๆ หลังมีการปลดล็อกเฟส 3 ให้ธุรกิจที่มีความเสี่ยงมาก อย่างโรงภาพยนตร์และสปา กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ขยายเวลาเปิดได้ถึง 21.00 น.

งานนี้ทำให้หุ้นกลุ่มโรงหนัง สปา ห้างฯ และร้านอาหาร เกิดอาการเริงร่า..โดยเฉพาะสองหุ้นโกงความตายอย่างบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR และบริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ที่ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หลังจากถูกแช่แข็งมานานเกือบ 3 เดือนเต็ม

แต่เห็นราคาเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ค.63 วิ่งขึ้นร้อนแรงก็แอบมีเสียว เพราะมันช่างสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานซะจริง…โดย MAJOR ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือคิดเป็น 3.64% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430 ล้านบาท ส่วน SPA ก็ไม่น้อยหน้า ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือคิดเป็น 2.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาท

เข้าทำนองที่ว่า เซนติเมนต์ไป…แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่มานะสิ

เพราะถ้าไปดูงบไตรมาสแรกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ไม่ถึง 1 เดือน หลายบริษัทยังแทบยืนไม่ได้…

อย่าง MAJOR นี่พลิกมาขาดทุนสุทธิสูงถึง 255 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 214 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,322 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,400 ล้านบาท

ฟาก SPA แม้ไม่ถึงขั้นขาดทุน แต่กำไรสุทธิลดฮวบฮาบเหลือแค่ 4 ล้านบาท หรือลดลง 92.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท และมีรายได้รวม 243 ล้านบาท ลดลง 29.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 345 ล้านบาท

ส่วนบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU จากขนมรสหวานก็เปลี่ยนเป็นรสขมทันตา หลังกำไรสุทธิลดฮวบเหลือแค่ 13 ล้านบาท ลดลง 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 219 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายที่ 287 ล้านบาท

หุ้นร้านอาหารในห้างฯ อย่างบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ก็เข่าแทบทรุด พลิกมาขาดทุนสุทธิ 44 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมลดลง 11.9% อยู่ที่ 643 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 730 ล้านบาท

นี่งบไตรมาสแรกยังเละเทะขนาดนี้ แล้วไตรมาส 2 ปิดไปสองเดือนเต็ม ๆ  จะย่ำแย่ขนาดไหน…

แถมเงินสดที่เป็นสภาพคล่องไม่เข้ามาเลย เหลือเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น มองไม่เห็นหนทางที่งบไตรมาส 2 จะออกมาดีได้เลยให้ตายสิ..!!

แต่ราคาหุ้นวิ่งนำไปไกลโขแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ราคาลงมาต่ำมาก หลายบริษัทราคาฟื้นร้อนแรง ถ้าเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่ยังดูมืดมน…

ยังไงก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป น่าจะเป็นการเก็งกำไรแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ระยะกลางและยาวไม่รู้จะดีแค่ไหน..?

สุดท้ายคงหนีไม่พ้น สูงสุดคืนสู่สามัญนั่นแหละ..!!

เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน…

แต่อย่างน้อย ๆ ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่เห็นแสงสว่างของดวงดาวบ้างแล้วบนท้องฟ้าที่มืดมิด..แม้จะไม่ใช่แสงพระจันทร์เต็มดวงก็เถอะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button