ส่องหุ้นต่างชาติหมายปอง
นักลงทุนต้องคอยจับตา Fund Flow ต่อจากนี้ว่าจะยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากเข้ามาต่อเนื่องจะช่วยพยุงตลาดในยามที่มีปัจจัยลบกดดันได้
เส้นทางนักลงทุน
ประเด็นปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน กลับมาถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูมากยิ่งขึ้น…หลังจากที่จีนออกกฎหมายเข้าควบคุมสถานการณ์ในฮ่องกง ซึ่งทางด้านสหรัฐฯ ใช้ประเด็นนี้กล่าวตอบโต้จีนว่ากำลังพยายามเข้าแทรกแซงฮ่องกง
จุดนี้อาจเป็นชนวนที่นำไปสู่การเกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง ดังนั้นจึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าการขัดแย้งในรอบนี้จะบานปลายไปถึงการกลับมาของสงครามการค้าอีกครั้งหรือไม่
หากกลับมาพิจารณาข้อตกลงการค้าเฟส 1 พบว่าเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุถึงการที่จีนจะต้องสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ กว่า 2 แสนล้านเหรียญในช่วง 2 ปี ซึ่งปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าของจีนยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ตกลงไว้
ขณะที่ล่าสุดมีข่าวว่าทางจีนอาจจะระงับการนำเข้าถั่วเหลืองและเนื้อสัตว์จากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ในประเด็นฮ่องกง ซึ่งหากทุกอย่างเกิดขึ้นจริงก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่อาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง
พร้อมกับต้องประเมินสถานการณ์โดยติดตามค่าเงินหยวนเทียบดอลลาร์ ซึ่งหากอ่อนค่ามาก ๆ จะยิ่งเป็นตัวสะท้อนความรุนแรงของปัญหาสงครามการค้าที่มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดีจากความขัดแย้งดังกล่าวอาจส่งผลให้ในระยะสั้นค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า โดยล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.56 บาท/ดอลลาร์ ทำจุดแข็งสุดในรอบ 3 เดือน เพิ่มความคาดหวัง Fund Flow ในระยะสั้นมีโอกาสไหลเข้ามาพักตัวใน Safe haven อย่างค่าเงินบาทได้ รวมถึงตลาดเกิดใหม่
เนื่องจากยังได้แรงหนุนจากสภาพคล่องส่วนเกินช่วยหนุนตลาดสังเกตได้จากตลาดหุ้นไทย มีสัญญาณบวกจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าโดยซื้อสุทธิ 3 วันทำการ 8,987.72 ล้านบาท นอกจากนี้จากการตรวจสอบเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้เป็นบวกเกือบทุกตลาดเช่นกัน
สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิ คือนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 พ.ค. 2563 ซื้อสุทธิสูงถึง 5,504.29 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิทุกวันตลอดทั้งเดือน พ.ค. ส่งผลหนุนให้ตลาดจากติดลบ -14.30 จุด ขึ้นมาปิดบวก 5.34 จุด อยู่ที่ 1342.85 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง
ส่วนหนึ่งเกิดจาก MSCI ได้มีการ Rebalance พอร์ตหุ้นไทยในช่วงท้ายของการซื้อขาย ซึ่งการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศอาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
แหละนั่นเอง วันที่ 1 มิ.ย. 2563 นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อจำนวน 1,393.93 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีขึ้นไปปิดบวก 9.52 จุด อยู่ที่ 1,352.37 จุด กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย. 2563 ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเพิ่ม 2,089.51 ล้านบาท ทำให้ดัชนีปิดบวก 21.81 จุด อยู่ที่ 1,374.18 จุด
ดังนั้นนักลงทุนอาจจะต้องคอยจับตา Fund Flow ต่อจากนี้จะยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากเข้ามาต่อเนื่องจะช่วยพยุงตลาดในยามที่มีปัจจัยลบกดดันก็เป็นได้
ทั้งนี้มีข้อมูลน่าสนใจจากบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ด้วยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมายของ Fund Flow ทั้งในและต่างประเทศ
- หุ้นที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ….โดยทำการคัดกรองหาหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่น่าจะเป็นเป้าหมายของ Fund Flow จาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. เป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI Emerging Market 2. ราคาหุ้นกระโดดขึ้นมาในช่วงท้ายของวันศุกร์ 3. NVDR ซื้อสุทธิในวันศุกร์ โดยได้ผลลัพธ์ทั้งสิ้น 21 บริษัท
สุดท้ายหุ้นทั้งหมดชอบ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป็นตัวเลือกให้แก่นักลงทุนได้ตัดสินใจลงทุน ส่วนที่เหลือดูจากตารางประกอบ
- หุ้นที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ชอบ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW
ขณะเดียวกันยังมีประเด็นเก็งกำไรจากหุ้นเข้าออกดัชนี SET50 และ SET100 ในเบื้องต้นมีการประเมินว่ามีหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 คือ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ฯลฯ
รวมถึงหุ้นเข้า SET100 คือ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ฯลฯ ส่วนหุ้นคัดออกและหุ้นคัดเข้าตัวอื่นไม่มีประเมินออกมา
นี่เป็นเพียงกลยุทธ์ในการลงทุน เพราะเชื่อว่าหุ้นดังกล่าวจะเป็นที่หมายปองของต่างชาติระดับต้น ๆ