การเมืองในหม้อต้ม
การแย่งชิงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ จะไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาลประยุทธ์ในระยะสั้น แต่ก็จะไม่จบง่าย เสียหายต่อรัฐบาลในฐานะพรรคแกนนำ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
การแย่งชิงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ จะไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาลประยุทธ์ในระยะสั้น แต่ก็จะไม่จบง่าย เสียหายต่อรัฐบาลในฐานะพรรคแกนนำ
รัฐบาลประยุทธ์ไม่ใช่อยู่ได้ด้วย ส.ส. แต่อยู่ด้วย 250 ส.ว. รัฐราชการทหารตำรวจ องค์กร (ไม่) อิสระ อำนาจแต่งตั้ง กระทั่ง 7 พรรคฝ่ายค้านได้ ส.ส.มากกว่ายังแพ้ด้วยสูตรเศษมนุษย์ ต่อมาก็ถูกยุบพรรค ถูกกวาดต้อน กระทั่งเหลือ 211 เสียง แถมยังมี “ฝากเลี้ยง”
ฉะนั้นถ้า ส.ส.รัฐบาล 20-30 คนตีรวน ก็ไม่สะเทือนฝักถั่ว แต่เมื่อเป็นความวุ่นวายพรรคแกนนำ จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบ เอาป้อมนาฬิกามาคุม ต่างตอบแทน ปรับ ครม.เพิ่มโควตาหัวหน้ากลุ่มก๊วน
กระนั้นในตำแหน่งสำคัญ เช่นรัฐมนตรีคลัง ไม่น่าเชื่อว่าประยุทธ์จะยอมให้ ส.ส.มานั่ง อาจยังเป็นเทคโนแครต เพราะประยุทธ์ยังมีอำนาจต่อรองเหนือนักการเมือง แต่ปัญหาก็จะไม่จบง่าย พปชร.เป็นพรรคเฉพาะกิจที่กวาดต้อนมาจากร้อยพ่อพันแม่ ไม่ได้มีแค่ 3-4-5 กลุ่ม แต่กระจัดกระจายกว่านั้น แถมหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ ก็เป็นพวก “ไม่เคยใหญ่แต่อยากใหญ่” กร่างเกินตัว
ในแง่ภาพลักษณ์ สังคมก็มองว่าเต็มไปด้วยนักการเมืองที่จ้องหาผลประโยชน์ แม้กระทั่งพวกรักประยุทธ์จนไร้สติ ก็ยังกลัวเงินกู้สี่แสนล้านถูกรุมทึ้ง
ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจ หลังโควิดก็จะวิบัติเกินรับมือไหว แม้วันนี้ดูเหมือนแนวโน้มดีขึ้น แต่ของจริงต้องรอดูไตรมาส 3-4 เพราะการพักชำระหนี้จะไปสิ้นสุดเดือนกันยา โดยตัวเลขปรับโครงสร้างหนี้ 15 ล้านกว่าราย 6.68 ล้านล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของระบบ
คนไทยอาจหายกลัวโควิด แห่เที่ยวทะเลจนรัฐต้องคุมเข้ม คลายล็อกเฟส 3 ดูเหมือนเริ่มมีความหวัง แต่ผลของการคลายล็อกช้า และยังเกร็งไปหมด ทั่วโลกก็ยังติดเชื้อไม่หยุด กว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิมก็อาจรอกลางปีหน้า
ซึ่งธุรกิจรอไม่ไหว จึงปิดกิจการ เลิกจ้าง เต็มไปหมด ปลดล็อกอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม ร้านอาหารไม่ค่อยมีคนนั่ง อุตสาหกรรมรถยนต์ย่ำแย่มาก่อนโควิด อสังหาริมทรัพย์โอเวอร์ซัพพลาย ฯลฯ ฉะนั้นที่ประเมินกันว่า 3 ปี จีดีพีกลับมาเท่าปี 62 ก็ไม่แน่นัก ทั้งเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทยอาจวิบัติไปก่อน
ภาพดัชนีหุ้นพุ่งทั่วโลก ราคาน้ำมันขยับ เพียงเพราะข่าวดีคนตกงานในสหรัฐฯ ลดลง ก็ยิ่งน่ากลัวไปอีกแบบ เพราะเป็นการบิดเบือนเศรษฐกิจจริงเพื่อเก็งกำไร ยิ่งมองยากว่าจะส่งผลอย่างไร ไม่เหมือนวิกฤติ 40 ที่เป็นไปตามหลักง่าย ๆ ลดค่าเงินบาท ส่งออกกลับมาพุ่ง ราคาน้ำมันวูบ ลดต้นทุนการผลิต แต่ตอนนี้วิกฤติหนักกว่า ยิ่งเก็งกำไรหุ้นน้ำมันค่าเงิน
เศรษฐกิจจะกดดันการเมืองอย่างหนักในไตรมาส 3-4 ทั้งในแง่ประสิทธิภาพของรัฐ ความโปร่งใส กลไกล้าหลัง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเกี่ยวโยงกัน เช่น การจัดงบประมาณด้านความมั่นคงจะถูกวิจารณ์ขรม ความห่วยและไม่น่าไว้วางใจของนักการเมืองรัฐบาล กลไกที่ไม่จำเป็นแต่มีไว้ปกป้องกันและเลือกปฏิบัติ เช่น ส.ว.มีไว้ทำไม (กลุ่มที่เคยไล่ทักษิณก็ออกมาขย่ม)
รัฐบาลประยุทธ์จะรับมือปัญหาไม่ได้ แต่ประชาชนเปลี่ยนไม่ได้ ตัวเองก็ไม่มีทางออก เช่น ลาออกหรือยุบสภาไม่ได้ แม้เลือกตั้งใหม่น่าจะชนะ แต่ภายใต้กติกาเดิม บัตรใบเดียว สูตรเศษคน (พรรคเล็กผุดเป็นร้อย) 250 ส.ว.โหวตเป็นนายกฯ อีกครั้ง รังแต่จุดความไม่พอใจ
การเมืองจึงยิ่งมองยาก เพราะตันไปหมด จะรัฐประหารตัวเองก็ยิ่งไร้เหตุผล บางคนมองว่าเครือข่ายอำนาจอาจเปลี่ยนประยุทธ์ บีบตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่นั่นก็ไม่มีหลักประกัน ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือยิ่งลุกลามไปใหญ่