พาราสาวะถี

ศุกร์นี้รู้กัน มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 จะมีกิจการ กิจกรรมใดได้รับการผ่อนคลายบ้าง ที่แน่ ๆ ผับ บาร์และอาบอบนวด ยังจะไม่ได้รับอนุญาตในรอบนี้ นั่นเท่ากับว่า มาตรการผ่อนปรนจะยืดออกไปเป็นเฟส 5 จากเดิมที่วางกันไว้ 4 ระยะ ชัดเจนว่าสอดรับกับข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะชงให้ทดลองเลิกเคอร์ฟิว 15 วันแต่คงการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป


อรชุน

ศุกร์นี้รู้กัน มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 จะมีกิจการ กิจกรรมใดได้รับการผ่อนคลายบ้าง ที่แน่ ๆ ผับ บาร์และอาบอบนวด ยังจะไม่ได้รับอนุญาตในรอบนี้ นั่นเท่ากับว่า มาตรการผ่อนปรนจะยืดออกไปเป็นเฟส 5 จากเดิมที่วางกันไว้ 4 ระยะ ชัดเจนว่าสอดรับกับข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะชงให้ทดลองเลิกเคอร์ฟิว 15 วันแต่คงการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป

แนวทางเช่นนี้ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะมีการวิเคราะห์กันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินคงจะยืดออกไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ฟังจากที่วิษณุ เครืองาม กูรูกฎหมายประจำรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ได้อธิบายมาก็รู้แล้วว่า ยังไม่มีการยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นแน่ เพียงแต่ว่าเหตุผลที่ยกมาอ้างนั้น เป็นเรื่องของการดูแลโควิด-19 เพื่อความคล่องตัวและเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันเนติบริกรคนโปรดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็หาทางลงเพื่อลดความคับข้องของคนส่วนใหญ่ที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับการยืดการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป ด้วยการอ้างว่าแม้จะมีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่คงจะผ่อนปรนให้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การชุมนุม ซึ่งคงเป็นแค่การยกตัวอย่างเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริง หากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ส่วนงานที่จะตัดสินใจคือฝ่ายความมั่นคงไม่ใช่เรื่องของรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ถึงเวลานั้นก็ต้องบอกว่าทุกคนต้องทำตามหน้าที่และข้อกฎหมายที่กำหนด

เวลานี้คงไม่จำเป็นว่าจะต้องมีม็อบไหนมาไล่รัฐบาลหรือไม่ เพราะอารมณ์ร่วมของสังคมคงไม่สุกงอมขนาดนั้น เนื่องจากแต่ละคนยังสาละวนกับการแก้ปัญหาชีวิตกันอยู่จากผลกระทบของโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คนเดือดร้อนที่หลังจากหมดมาตรการเยียวยาไปแล้ว จะอยู่กันอย่างไร ขณะที่งบประมาณเพื่อการฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท เท่าที่ฟังท่านผู้นำอธิบาย ก็เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้และการเคลื่อนแบบมีพิธีรีตอง ซึ่งไม่น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์ความเดือดร้อนที่เป็นไป

แต่คงจะพูดอะไรได้ไม่มาก ในเมื่อเวลานี้เสียงในสภาก็ถือว่าไม่ได้สร้างปัญหากวนใจให้กับรัฐบาลสืบทอดอำนาจอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ในส่วนของคณะกรรมาธิการโดยเฉพาะกรรมาธิการป.ป.ช.ที่ถือว่าเป็นชุดตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติที่สร้างความหงุดหงิดหัวใจให้กับท่านผู้นำ แต่หลังจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ แล้วเกิดการแปรพักตร์ ก็ทำให้เสียงในคณะกรรมาธิการชุดนี้มีปัญหาทันที จากที่ฝ่ายรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยก็มากุมเสียงข้างมากแทน

นั่นย่อมส่งผลต่อเก้าอี้ประธานกรรมาธิการของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ตามไปด้วย อย่าได้ไปถามถึงความสง่างามใด ๆ จากฝ่ายกุมอำนาจว่า ควรจะต้องเทสัดส่วนส.ส.ในกรรมาธิการชุดนี้ให้ฝ่ายค้านเพื่อประสิทธิภาพในการตรวจสอบ เพราะเขาไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบว่าเริ่มมีการเข้าไปแทรกแซงการจัดคนที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการคนใหม่กันแล้ว โดยพบว่ามีรายชื่อของส.ส.บิ๊กเนมซีกรัฐบาลเข้ามา โดยที่ก็มีปัญหาเรื่องการถูกตรวจสอบอยู่เหมือนกัน

แค่เท่านี้ก็เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจในการยอมรับการตรวจสอบของฝ่ายกุมอำนาจแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะโยนเป็นเรื่องของสภาไม่เกี่ยวกับรัฐบาล โดยที่ซีกส่วนของฝ่ายบริหารก็ยังมีปัญหาเฉพาะว่าด้วยการปรับครม. อันเนื่องมาจาก “คนดีอยู่ไม่ได้” ตามคำพูดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะเป็นบททดสอบอีกหนของท่านผู้นำว่า จะเลือกรักษาคนที่กระเตงกันมาเพื่อไม่ให้ถูกด่าว่าทิ้งคนเคยรักไว้ข้างหลัง หรือจะรักษาเสถียรภาพแห่งอำนาจโดยการยอมตามเสียงเรียกร้องของพรรคการเมือง

ดูแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น เห็นได้จากมาตรการบีบให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ที่วันนี้แม้แต่คนที่เคยโต้ทุกเม็ดอัดทุกดอกกับฝ่ายที่โจมตีเจ้านายตัวเองอย่าง ธนกร วังบุญคงชนะ ยังต้องสวมบทเสือหมอบ ไม่พาดพิง กล่าวหาคนในพรรคเดียวกันที่ด่าทอต่อว่าขับไสไล่ส่งแกนนำกลุ่มสี่กุมาร รวมไปถึง อุตตม สาวนายน ที่พบว่าเริ่มตีตัวออกห่างจากพรรค โดยต้องใช้ไม้นวมเรียกร้องให้หยุดเล่นการเมืองด้วยการอ้างว่าต้องช่วยกันพาประเทศผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปก่อน

แม้จะพยายามทำให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่าง แต่ในเชิงความรู้สึกนั้นมันแตกร้าวบาดลึกยากที่จะเยียวยากันไปแล้ว ยิ่งพอฟังความเห็นของวิษณุเรื่องแนวทางการปรับครม.แล้ว ก็ชัดเจนว่า เกิดขึ้นแน่ โดยที่จะใช้วิธีเขย่ากันทุกพรรค และแนวโน้มก็เป็นไปในลักษณะที่ท่านผู้นำจะเลือกใช้วิธีการบอกให้รู้กันก่อนเพื่อให้แต่ละพรรคได้เตรียมตัว เตรียมบุคคลให้พร้อม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น แรงกระเพื่อมคงไม่ได้เกิดขึ้นแค่พรรคสืบทอดอำนาจเพียงอย่างเดียว

ในส่วนของภูมิใจไทยปัญหาภายในไม่มี อยู่ที่ว่าจะได้คุมกระทรวงเดิมอยู่หรือไม่เท่านั้น และมีความประสงค์จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือเปล่า แต่ประชาธิปัตย์คงจะขยับกันหนักหน่วง ยิ่งหากไม่ได้กุมบังเหียนกระทรวงเดิมด้วยแล้ว ยิ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ ทว่าในภาวะที่พี่ใหญ่ของ 3 ป.กระโดดเข้ามาดูแลพรรคสืบทอดอำนาจอย่างเต็มตัว นอกเหนือจากอำนาจในการต่อรองที่มีเต็มเปี่ยมแล้ว เสียงจากส.ส.ฝากเลี้ยงที่ปิดกันไม่มิด ก็จะถูกนำมาใช้ในเกมการปรับครม.รอบนี้ด้วยเช่นกัน

ขณะที่รัฐบาลมีปัญหากันภายใน พรรคแกนนำฝ่ายค้านก็ใช่ว่าจะสงบนิ่ง ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอนที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ต้องเข้าสภาเพื่อไปตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อสยบข่าวปัญหาเกาเหลาระหว่างกัน ส่วนการประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็เกิดการโต้เถียง วิวาทะกันดุเดือด ว่าด้วยการแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่และการไร้น้ำยาของส.ส.อีสาน

อ่านสัญญาณจากการตั้งโต๊ะแถลงคู่แล้ว ก็เห็นได้ว่านี่เป็นคำสั่งจากแดนไกลให้ทุกฝ่ายรักกันเป็นปึกแผ่น ส่วนการแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่นั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่จะต้องดำเนินการ เพื่อไม่ให้สูญเสียเก้าอี้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่ควรจะได้ เพราะหากยังจับมือกันเดินก็จะได้ส.ส.เขตเป็นกอบเป็นกำแต่เป็นการเดินไปตายหมู่ สู้แยกกันเดินแล้วมีโอกาสจะสร้างพลังให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม แต่หน้ากระดานการเมืองเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าสิ่งที่เห็นจะต้องเป็นไปตามนั้น

Back to top button