SPVI ทรงแต่ไม่ทรุด!

โบรกฯมอง SPVI ยังเป็นหุ้น Growth Stock ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside และ dividend yield สูง แม้ระยะสั้นของปี 63 อาจทำได้แค่ทรงตัว


คุณค่าบริษัท

ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ผลประกอบการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI อาจจะต้องได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง จากการปิดร้าน 1 เดือน ช่วงเดือน เม.ย. ตามมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น

เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทมีร้านที่ขายและให้บริการสินค้า Apple โดยตรงทั้ง iphone iPad และ Mac book อยู่ 27 สาขา เป็น istudio 3 สาขา, iBeat 6 สาขา, iShop 1 สาขาให้บริการในพันธุ์ทิพย์ฯ ซึ่งกำลังจะปิดตัวลง, iSolution 1 สาขาซึ่งเป็นโชว์รูมแสดงสินค้าที่สาธิตให้ลูกค้าองค์กรทดลองใช้งาน, iCenter 5 สาขา เป็นศูนย์บริการของ Apple และยังมี U.Store ที่เปิดตามมหาวิทยาลัยถึง 11 สาขา

นอกจากนี้ SPVI ยังขายสินค้ามือถือแบรนด์อื่นภายใต้ชื่อร้าน Mobi 4 สาขา รวมถึงบริหาร shop ให้ AIS อีก 18 แห่ง คือ  AIS Shop by Partner 9 สาขา AIS Telewiz  7 สาขา และ AIS Buddy 1 สาขา

อย่างไรก็ตามการเติบโตหลักๆ มาจากการขายสินค้า Apple

ทว่าการปิดร้านอาจเป็นตัวกดดันต่อผลประกอบการ แต่ทางบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดีในการเปลี่ยนแปลงช่องทางการขายผ่าน Chat and shop เพิ่มขึ้นจากเดือนละ 1 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท รวมถึงรายจ่ายค่าเช่าไม่ต้องเสีย ขณะที่พนักงานรายวันต้องหยุดพักงาน แต่สามารถเคลมเงินจากประกันสังคมได้ โดยบริษัทช่วยเหลือเพียงบางส่วนทำให้รายจ่ายเดือน เม.ย.น้อยมาก   ขณะที่เริ่มกลับมาขายได้ตามปกติตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา

ดังนั้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 มีความหวังว่าผลประกอบการอาจทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนไม่มากนัก

เช่นเดียวกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 745.78 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 776.21 ล้านบาท เหตุรายได้จากการขายและรายได้จากการบริการลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 12.10 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.92 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น

ถือเป็นการได้รับผลกระทบเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น

เพราะอย่างไรก็ดีทางบริษัทจะรุกเปิด U.Store 3 สาขางวดไตรมาส 3 ปี 2563 และอีก 4 สาขางวดไตรมาส 4 ปี 2563 เพื่อหนุนกำไรปีนี้มีโอกาสทรงตัวได้ ลบล้างผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมาในช่วงเกิดวิกฤติจากการปิดร้านจากการล็อกดาวน์

สำหรับการเปิด U.Store เพราะเนื่องการการเติบโตหลัก ๆ มาจากการขายสินค้า Apple ผ่าน U.Store นั่นเอง เนื่องจากนักศึกษายังสามารถซื้อสินค้า Apple ในราคาที่ถูกกว่าราคาทั่วไป รวมถึง iPad รุ่นใหม่ซึ่งมีปากกาไว้ใช้จดบันทึกการเรียนต่าง ๆ และมีระบบ Air Drop การโอนไฟล์ระหว่างเครื่องด้วยความรวดเร็ว จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษา โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์  ทำให้ U.Store สามารถคุ้มทุนภายใน 2 เดือน เนื่องจากงบลงทุนการเปิด U.Store แต่ละสาขาที่ต่ำเพียง 1-2 ล้านบาท

ขณะที่การรุกเปิด U.Store รวมถึงช่องทางการ Chat and Shop บวกกับ iPhone 12 ที่มีรุ่นพรีเมียมที่รองรับ 5G จะเริ่มขายในปลาย ก.ย. 2563 คาดจะช่วยให้เห็นกำไรกลับมาเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้ตั้งแต่งวดไตรมาส 3 ปี 2563 เป็นผลให้คาดกำไรปี 2563 จะทรงตัวจากปีก่อนหน้าได้ และจะกลับมาเติบโตราว 15% ในปี 2564

ทั้งนี้ SPVI มองผลประกอบการในระยะยาว เพราะระยะสั้นของปี 2563 อาจทำได้แค่ทรงตัว

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่า SPVI ยังจัดเป็นหุ้น Growth Stock ที่มีกำไรเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 15% บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ถึง 30% และ dividend yield ที่สูงเกิน 4%  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) 116,000,000 หุ้น 29.00%
  2. นายวิโรจน์ โกศลธนวงศ์ 65,703,500 หุ้น 16.43%
  3. นางเพ็ชรรัตน์ วรญาณโกศล 29,994,000 หุ้น 7.50%
  4. นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล 26,024,116 หุ้น 6.51%
  5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 7,911,003 หุ้น 1.98%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายธีระ อภัยวงศ์ ประธานกรรมการ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
  2. นายมินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  4. นายนราธร วงศ์วิเศษ กรรมการ
  5. นางเพ็ชรรัตน์ วรญาณโกศล กรรมการ

Back to top button