พาราสาวะถี
สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงจังหวะเวลาอุ่นใจของทุกภาคส่วน แต่จะสบายใจและเบาใจได้ ก็ต่อเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเป็นศูนย์ยาวนานต่อเนื่องกันเกิน 28 วันไปแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องรอผลการประเมินมาตรการผ่อนปรนกิจการ กิจกรรมในระยะที่ 4 ที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดด้วยว่า หลังจากเลิกเคอร์ฟิวและให้กลับมาใช้ชีวิตกันเป็นปกติแล้ว ความร่วมมือยังเข้มข้นกันดีอยู่หรือไม่ หากตัวเลขสวยหรูคู่กับการ์ดไม่ตกของประชาชน เราคงจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมกันอีก
อรชุน
สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงจังหวะเวลาอุ่นใจของทุกภาคส่วน แต่จะสบายใจและเบาใจได้ ก็ต่อเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเป็นศูนย์ยาวนานต่อเนื่องกันเกิน 28 วันไปแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องรอผลการประเมินมาตรการผ่อนปรนกิจการ กิจกรรมในระยะที่ 4 ที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดด้วยว่า หลังจากเลิกเคอร์ฟิวและให้กลับมาใช้ชีวิตกันเป็นปกติแล้ว ความร่วมมือยังเข้มข้นกันดีอยู่หรือไม่ หากตัวเลขสวยหรูคู่กับการ์ดไม่ตกของประชาชน เราคงจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมกันอีก
ที่แน่ ๆ การท่องเที่ยวแบบจับคู่ประเทศ ทราเวล บับเบิล ฝ่ายเสนอเดินหน้ากันอย่างเต็มที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันแล้วจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์หน้า อยู่ที่ชุดข้อมูลและคู่มือในการปฏิบัติของฝ่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขว่า จะวางมาตรการรับมือหากต้องเปิดรับการท่องเที่ยวแบบนี้อย่างไร แต่ที่พอจะเบาใจได้คือ ภายใต้เงื่อนไขแรก ยังจะเป็นกลุ่มที่จำกัด คนจำนวนไม่มาก ซึ่งก็คือเลือกคุณภาพเงินหนา คุมโรคได้แต่ก็มาทำให้เศรษฐกิจของประเทศกระเตื้องขึ้นด้วย
ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนเชื่อได้เลยว่า คงจะให้คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ยาก ขณะเดียวกันในแต่ละประเทศ ถ้าดูจากตัวเลขที่ทางศบค.รายงานกันรายวันก็เห็นได้ชัดว่า ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายว่า เปิดรับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น แล้วประเทศไทยจะปราศจากโรคได้อย่างไร รอให้ทุกอย่างคลี่คลายก็คงไม่สาย เพราะเชื่อได้เลยว่า หากทุกคนสามารถท่องเที่ยวกันได้ทั่วโลกแล้ว ไทยถือเป็นเป้าหมายลำดับต้น ๆ ที่นักเที่ยวจะเดินทางมาแน่นอน
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดูนิ่ง ๆ ไปแล้ว คงเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จะมีจังหวะหายใจหายคอ ใช้โอกาสทบทวน ตรวจสอบการบ้านของรัฐบาลเรือเหล็ก ในจังหวะที่เกิดความเปลี่ยนแปลงของพรรคสืบทอดอำนาจและล่าสุดก็เป็นของพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่ถือเป็นผู้สนับสนุนหลักในการอยู่ต่อของท่านผู้นำ โดยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล ซึ่งก็ถูกคาดหมายมานานแล้วว่าจะหลุดจากตำแหน่ง
เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านั้นยังให้โอกาสรอดูผลงานกันก่อน แต่พอเจอเข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ที่หม่อมเต่าถูกวิจารณ์เละว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในภาคแรงงานนั้นสอบตก ทำให้พรรคต้นสังกัดใช้เป็นเหตุในการประเมินผลการทำงานทั้งภายในพรรคและการเป็นเจ้ากระทรวงว่า 1 ปีที่ผ่านมาสอบไม่ผ่าน แทนที่จะรอให้เกิดความกดดันเจ้าตัวจึงชิงลาออกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคก่อน และคงจะตามมาด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีในเร็ววัน อยู่ที่ว่าจะไขก๊อกเองหรือรอการปรับโดยท่านผู้นำเท่านั้น
งานนี้เชื่อขนมกินได้ ไม่มีทางที่เมื่อเลือกจะไม่เดินบนถนนเส้นเดียวกันกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วจะยังคงเหนียวแน่นอยู่ในตำแหน่งได้ และถ้าให้เทียบความเกรงอกเกรงใจระหว่างหม่อมเต่ากับเทพเทือก ไม่ต้องเดาว่าท่านผู้นำนั้นจะเทน้ำหนักให้ฝั่งไหน พอเป็นเช่นนี้สปอตไลท์จึงสาดส่องไปยัง วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ทิ้งพรรคเก่าแก่มา จะรับเก้าอี้หัวหน้าพรรคไปครอง ส่วนตำแหน่งเสนาบดีไม่น่าจะหนีไปจากคนชื่อ เอนก เหล่าธรรมทัศน์
ฟากพรรคแกนนำรัฐบาล วันพรุ่งนี้ก็จะมีการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดกรอบของการประชุมเพื่อเลือก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ส่วนเก้าอี้แม่บ้านพรรคนั้น แย้มมาจาก พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ แล้วว่ามี 2 รายชื่อถูกเสนอเข้าชิง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คาดเดากันไม่ยาก น่าจะเป็นการชิงดำกันระหว่าง สันติ พร้อมพัฒน์ กับ “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย ส่วนแคนดิเดตอีกหนึ่งก่อนหน้าอย่าง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่ม น่าจะเร็วเกินไปที่จะขึ้นชั้นมารับตำแหน่งใหญ่
แม้จะมีเก้าอี้ประธานส.ส.ของพรรค แต่ยังไม่สามารถประสานความเป็นเนื้อเดียวกันของส.ส.แต่ละมุ้งแต่ละก๊กด้วย คงต้องสะสมบารมีกันอีกระยะการมีแบ็กอัพชั้นดีอย่างพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใด ๆ รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ โอกาสความก้าวหน้าในทางการเมืองนั้นสดใสแน่นอน แต่ก็มีข่าวปล่อยมาแล้วว่า บิ๊กป้อมเลือกจิ้มให้เสี่ยแฮ้งค์นั่งเก้าอี้เลขาฯพรรค โดยส่งสันติไปนั่งเป็นผู้อำนวยการพรรค ซึ่งแนวโน้มก็คงจะเป็นเช่นนั้น
พิจารณาจากทิศทางข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เมื่อผู้มากบารมีเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงเดินหน้าบัญชาการด้วยตัวเอง กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จึงจะแตกต่างจากทีมงานสี่กุมารโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์การเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร และก็เห็นได้ชัดว่าการที่มีบางคนในพรรคได้เลี้ยงส.ส.ประเภทใจถึงพึ่งได้เพื่อไว้ใช้คอยปกป้องในเรื่องที่ตัวเองถูกโจมตีนั้น ถึงเวลาอีกฝ่ายก็มีเด็กในคาถาประเภทชวนทะเลาะและทะเลาะไม่เลิกเหมือนกัน
ปรากฏการณ์การเสนอต่อที่ประชุมพรรคของ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ให้มีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคต้องไม่เคยมีประวัติข้องแวะกับยาเสพติด แล้วถูก ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ตะโกนก่อกวนด้วยวลี “บ้าหรือเปล่า” ถึงสามหน ย่อมสะท้อนความเป็นไปภายในพรรคสืบทอดอำนาจได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สีสันแต่เป็นการห้ำหั่น หวังตีกินอีกฝ่ายแต่ก็ถูกตีกันไปในคราวเดียวกัน นี่แหละ การเมืองที่ไม่มีในระบอบเผด็จการ
การเลือกตั้งท้องถิ่นดูจากท่าทีของ วิษณุ เครืองาม ล่าสุด หลังจากเสียเหลี่ยมจากปมไม่มีงบจัดเลือกตั้งแล้ว แนวโน้มคงจะเกิดขึ้นหลังงบประมาณประจำปี 2564 มีผลบังคับใช้ไปแล้วคือ 1 ตุลาคมนี้ เพราะถือว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีที่โครงการของรัฐบาลได้ดำเนินการไปให้ประชาชนสัมผัสจับต้องได้ ประกอบกับน่าจะเป็นห้วงเวลาที่เงินกู้ 4 แสนล้านบาทผลิดอกออกผล หากเป็นไปในมุมบวก ตัวแทนของฝ่ายสืบทอดอำนาจย่อมได้เปรียบกันบานตะไท
อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปในทิศทางตรงข้าม จนถึงเวลานั้นแล้วสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนยังอยู่ในลักษณะโงหัวไม่ขึ้น อดอยากกันทั้งแผ่นดิน เราก็จะได้เห็นท่วงทำนองของเนติบริกรข้างกายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หาช่องแก้ต่างแก้ตัวกันอีกที ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะเดินทางไปถึงตรงนั้นกันหรือไม่ เพราะดูแนวโน้มความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่เวลานี้ ต้องยอมรับว่าหนักและเหนื่อยแทนผู้มีอำนาจจริง ๆ