พาราสาวะถี

เกือบจะดีอยู่แล้วกับการนำเสนอแนวคิดการทำงานรัฐบาลแบบนิวนอร์มอล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อุตส่าห์ชักแม่น้ำทั้งห้า แสดงออกในแง่ของอารมณ์ ความรู้สึก ปลาบปลื้มที่คนไทยรัก สามัคคีกันเพื่อจะร่วมฟันฝ่าสถานการณ์โควิด-19 พร้อมหยิบยกเอาจุดแข็งเหล่านี้มาเป็นแรงกระตุ้น ร่วมกันผนึกกำลังเพื่อนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า แต่ดันมาตกม้าตาย กับประเด็นที่บอกว่าพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นทุกด้าน โดยเฉพาะมิติทางการเมือง


อรชุน

เกือบจะดีอยู่แล้วกับการนำเสนอแนวคิดการทำงานรัฐบาลแบบนิวนอร์มอล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อุตส่าห์ชักแม่น้ำทั้งห้า แสดงออกในแง่ของอารมณ์ ความรู้สึก ปลาบปลื้มที่คนไทยรัก สามัคคีกันเพื่อจะร่วมฟันฝ่าสถานการณ์โควิด-19 พร้อมหยิบยกเอาจุดแข็งเหล่านี้มาเป็นแรงกระตุ้น ร่วมกันผนึกกำลังเพื่อนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า แต่ดันมาตกม้าตาย กับประเด็นที่บอกว่าพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นทุกด้าน โดยเฉพาะมิติทางการเมือง

โดยมีข้อแม้ว่า ต้องหยุดเสียเวลาไปกับการคุยเรื่องไม่สร้างสรรค์ ต้องหยุดไม่ปล่อยให้เกมการเมืองที่ไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริง มาดึงรั้งการก้าวเดินไปข้างหน้าของประเทศโดยไม่จำเป็น คำถามก็คือ ใครเป็นผู้วินิจฉัยว่าการเมืองที่ไม่สุจริตบิดเบือนนั้นเป็นอย่างไร ใครที่แสดงความเห็นต่างจากรัฐบาล แม้จะมีข้อเสนอแนะด้วยเหตุด้วยผลอย่างไรก็ถือว่าไม่ถูกต้องเช่นนั้นหรือ หรือการบอกว่าเป็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นเรื่องบิดเบือนไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือเปล่า

หากความเข้าใจของท่านผู้นำตีกรอบไว้เท่านี้ ก็น่าเสียดาย เพราะนั่นไม่ใช่การทำงานวิถีใหม่ หากแต่เป็นการเมืองดึกดำบรรพ์ เป็นเรื่องของคนหวงก้าง ห่วงอำนาจของตัวเอง ส่วนเรื่องการทำงานเชิงรุกที่อ้างว่าจะให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมตรวจสอบอย่างแท้จริงนั้น การให้ความร่วมมือกับสภาผู้แทนราษฎรในการไปตอบคำถามเวลามีกระทู้ต่าง ๆ ที่สำคัญก็ถือเป็นกระบวนการแสดงความจริงใจยอมรับการตรวจสอบอย่างหนึ่งแล้ว แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เผด็จการสืบทอดอำนาจปฏิเสธการตรวจสอบด้วยลีลาพลิกพลิ้วเรื่อยมา

ถ้าการเปิดรับฟังความเห็นเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติของท่านผู้นำคือ ความเห็นของเจ้าสัวแค่ไม่กี่ตระกูล บรรดาเทคโนแครตไม่กี่ราย ไม่กี่กลุ่ม แล้วนำมาตีขลุมว่าฟังความรอบด้านแล้ว และบอกว่านี่คือแนวทางการทำงานทางการเมืองรูปแบบใหม่ ก็ช่างเป็นเรื่องน่าหัวร่อ หากจะเปิดกว้างทางความคิดจริง ก็เปิดรับฟังความเห็นของพวกที่มองต่างมุมแบบเปิดใจ แล้วตอบคำถามที่คนเหล่านี้สงสัยให้ได้ ไม่ใช่ใช้พวกจัดตั้งแล้วตบท้ายด้วยการสรรเสริญ เยินยอกันไปมาจนคนฟังอยากจะอ้วก

ปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอนั้น มันใช้ได้เฉพาะพวกที่หลับหูหลับตาเชียร์เท่านั้น สำหรับคนทั่วไปแล้วมองออกว่า สิ่งที่พูดนั้นต้องการอะไร ลำพังแค่การเล่นแร่แปรธาตุต่อกระบวนการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น ก็ทำให้เห็นแล้วว่ามีความจริงใจต่อการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนแค่ไหน สะท้อนถึงความไว้วางใจที่มีต่อประชาชนได้เป็นอย่างดี แล้วแบบนี้ยังจะมาเรียกร้องประชาชนว่ามาร่วมกัน “รวมไทยสร้างชาติ” ถามว่ามันมีอะไรที่จะต้องแอ็กชันถึงขนาดนั้นเลยหรือ

วิกฤติโควิด-19 คนไทยได้แสดงออกถึงการรวมพลังกันอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนเรื่องการฟื้นฟู ดูแลทุกข์สุขของประชาชน คนและพวกที่จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้คือฝ่ายบริหาร นี่คือสถานการณ์ที่จะได้แสดงถึงวิสัยทัศน์ ศักยภาพในการบริหารของคนที่เป็นผู้นำประเทศและคณะ การออกมาแสดงอาการเช่นนี้ เท่ากับว่าจะให้ประชาชนร่วมรับผิดชอบกับทุกความผิดพลาดในอนาคตที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ประเภทว่าถ้าอะไรไม่ดีขึ้นมาก็อย่าได้มาโทษกัน และเราทุกคนได้ร่วมกันทำอย่างดีที่สุดแล้ว

ยิ่งน่าขำกันไปใหญ่กับการบอกว่าขอให้ทุกคนรักและสามัคคี ร่วมมือกันอย่างนี้ตลอดไป ขณะที่หันไปมองภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของตัวเอง พบแต่ความแตกแยก และชัดเจนยิ่งว่าเป็นความขัดแย้งที่มีเป้าประสงค์ต่ออำนาจในฝ่ายบริหาร หากจะแก้การเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ปฏิเสธการเมืองที่ทุจริตบิดเบือน ก็น่าจะสะสางปัญหาภายในพรรคของตัวเองให้เป็นตัวอย่างก่อนจะดีไหม และแสดงออกผ่านการปรับครม.ที่จะมีขึ้นว่า ไม่มีการจัดสรรปันส่วนเรื่องของกลุ่มก๊กในพรรคการเมืองแต่อย่างใด

จัดการคนใกล้ตัวให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะมาเรียกร้องกับคนอื่นโดยเฉพาะกับฝ่ายที่ถือว่าเป็นฝ่ายค้าน เพราะโดยบริบททางการเมืองทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยมีฝ่ายค้านพรรคใดที่จะมายกย่อง ชมเชยรัฐบาล อาจมีแต่น้อย ส่วนใหญ่ก็เป็นการทักท้วงและเสนอแนะ แน่นอน ไม่ต้องมาบอกประชาชนว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ ยิ่งยุคสมัยนี้คนเข้าตรวจสอบกันได้ ถ้าไม่จริงก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของฝ่ายถูกกล่าวหาอยู่แล้วในการที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายและสามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องได้

ดังนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อการแถลงผ่านทีวีพูลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จึงมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ประชาชนจะได้รับแม้แต่น้อย เป็นเพียงแค่การอวดฉลาด วาดความฝันและแก้ต่างแก้ตัว สร้างภาพให้ตัวเองดูดีในสายตาประชาชนเท่านั้น ทุกอย่างมันต้องทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ก่อน ขณะที่หน้าฉากพยายามสร้างภาพเสียสวยหรู แต่หลังบ้านยังทะเลาะกันไม่จบ เป็นกันเสียอย่างนี้แล้ว ใครมันจะเชื่อถือ ขณะที่คำถามต่อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูวิกฤติโควิด-19 วันนี้ยังไร้ความชัดเจน บอกได้แค่ว่าทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการ

สุดท้าย มันก็หนีไม่พ้นเข้าอีหรอบแจกเงิน 5 พันแล้วยังโดนด่า เพราะมันเป็นภาพสะท้อนว่าใช้เงินเป็นตัวตั้ง แต่ไม่ได้สำรวจว่าความเดือดร้อนนั้นมีมากขนาดไหน จากตัวเลขตั้งต้น 3 ล้านราย วันนี้จบกันที่ 15 ล้านเศษบวกเก็บตกอีก 9 ล้าน นักบริหารที่ดีทำไมตกการคำนวณตัวเลขกันได้ถึงขนาดนี้ ถือว่าเป็นความล้มเหลว เช่นกัน เมื่อเงินกู้ 4 แสนล้าน ยังไร้เอกสาร หลักฐานว่าจะดำเนินโครงการอะไรบ้าง สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับประชาชนหรือเน้นหนักไปที่การทำถนนหนทางที่ไม่น่าจะมีความจำเป็นใด ๆ ในภาวะที่ผู้คนอดอยากยากแค้นขนาดนี้

ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจรอดูกันวันนี้ การประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค กำหนดกรอบของการประชุมเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ สุดท้ายก็เป็นแค่พิธีกรรม เมื่อทุกอย่างมันถูกจัดวางไว้หมดแล้ว นาทีนี้มองข้ามช็อตกันไปถึงเก้าอี้ในรัฐบาลของคนที่เป็นเลขาธิการพรรค หากเทียบกับสองพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ต่างได้คุมกระทรวงใหญ่ทั้งคู่ แล้วแม่บ้านพรรคสืบทอดอำนาจคนใหม่จะน้อยหน้าหรือไม่มีตำแหน่งเสนาบดีเลยหรือ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

Back to top button