หุ้นเล็กจัดเต็ม!
*วันศุกร์สุดสัปดาห์ทั้งที “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนอิริยาบถเม้าท์ถึง “หุ้นเล็ก” แทนการเม้าท์ถึง “หุ้นใหญ่” กันบ้างดีกว่า เพราะสตอรี่ที่มีผลกับหุ้นใหญ่เริ่มฉายซ้ำหลายรอบ จนคนดูเริ่มเอือมระอากับประเด็นดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันโดยตรงกับหุ้นใหญ่ รวมถึงท่าทีของนักเล่นกลุ่มสถาบันก็ไม่อินกับข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ และการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเหมือนเมื่อก่อน เลยทำให้หุ้นใหญ่ออกอาการยึกยักตลอดเวลาไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันศุกร์สุดสัปดาห์ทั้งที “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนอิริยาบถเม้าท์ถึง “หุ้นเล็ก” แทนการเม้าท์ถึง “หุ้นใหญ่” กันบ้างดีกว่า เพราะสตอรี่ที่มีผลกับหุ้นใหญ่เริ่มฉายซ้ำหลายรอบ จนคนดูเริ่มเอือมระอากับประเด็นดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันโดยตรงกับหุ้นใหญ่ รวมถึงท่าทีของนักเล่นกลุ่มสถาบันก็ไม่อินกับข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ และการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเหมือนเมื่อก่อน เลยทำให้หุ้นใหญ่ออกอาการยึกยักตลอดเวลาไงล่ะคะ
*ข้อมูลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีอะไรจะเม้าท์ถึงหุ้นใหญ่อีกต่อไป และไม่จำเป็นต้องประเมินว่าดัชนีจะไปถึงไหน ? เพราะรูปแบบที่เห็น ณ เวลานี้เป็นการโยกหุ้นเล่นไปเรื่อย ๆ และมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะแกว่งตัวไปมาในกรอบ 1,330-1,420 จุดอีกพักใหญ่ (เส้นแนวรับ 75 วันอยู่กรอบล่าง เส้นแนวต้าน 200 วันอยู่กรอบด้านบน) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่บีบหัวใจนักเล่นดีเหลือเกินเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ข้างต้นที่เกิดขึ้นทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนเวียนหัว “โมนิก้า” เลยอยากพักเรื่องหุ้นใหญ่ไว้สักระยะหนึ่ง และไม่ขออธิบายปรากฏการณ์ที่ดัชนีแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,372.98 จุด ลบไป 3.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.02 หมื่นล้านบาท พร้อมกับขอเทใจไปดูหุ้นเล็กขวัญใจแมงเม่าเบี้ยน้อยหอยน้อยสักนิดหนึ่ง เพื่อชี้ให้เห็นสตอรี่ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้สักนิดหนึ่งนะจ๊ะ
*นำร่องเที่ยวนี้ยังอยู่ที่หลักเอเป็นจุดเริ่มต้นการเม้าท์แตก และตัวที่อยากเอ่ยถึงมากสุดคือหุ้นขนมหวาน AU หลังมีวอลุ่มไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จนราคาหุ้นฉีกตัวจากฐานราคา 10 บาทขึ้นมาปักหลักสร้างฐานบริเวณ 11 บาทได้อีกครั้ง ก่อนที่หุ้นจะปิดไปในระดับ 11.30 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นขาลุยห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะแก๊งดอกบัวเคาะขวาถี่ขึ้นเรื่อย ๆ น่ะซี
*หุ้นหลักเอถัดมาเป็นในรายของ AUCT หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 7.85 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71 ล้านบาท ล้วนเกิดจากประเด็นยึดรถนำมาประมูลมากขึ้น ทำให้รายได้และกำไรโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ถือเป็นโอกาสทองในการทำมาหากินเลยก็ว่าได้ บรรดาขาลุยถึงกระโจนใส่ไม่ยั้งพะย่ะค่ะ
*ในเมื่อมองหุ้นที่มาด้วยพื้นฐานเป็นธงนำ “โมนิก้า” ย่อมมองหุ้นปันผลงามขนาดเล็กเป็นตัวเลือกหลัก และในที่นี้คงไม่มีใครเกินหน้าเกินตาไปกว่า AI (ปันผลตกปีละ 8%) เพราะมีสตอรี่เกี่ยวกับงานที่ดีเลย์ในครึ่งปีแรกจะมาทบครึ่งปีหลัง ผนวกกับบริษัทลูกกำลังอยู่ในช่วงเทิร์นอะราวด์ เลยทำให้หุ้นแม่มีเสน่ห์เจิดจรัสขึ้นมาในทันที วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.39 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาทแบบชิล ๆ เจ้าค่ะ
*งานนี้เลยทำให้แมงเม่าหันมามองหุ้นลูกอย่างน้องเอีย AIE ด้วยสายตาที่เบิกโพรงกว่าปกติ เพราะบรรดานกรู้กระโจนใส่ไม่ยั้ง จนราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งตั้งแต่หัววัน ก่อนจะปิดตลาดฯ ไปที่ระดับ 0.55 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 14.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่แมงเม่าปีกอ่อนต้องดูกันยาว ๆ เพราะหุ้นที่มาด้วยกิมมิกเทิร์นอะราวด์มักมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตามมากมายนะตัวเอง
*เช่นเดียวกับในรายของ IP ทะยานขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นเวลาร่วม 3 เดือน จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ 8.85 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นผลพวงจากไวรัสมรณะทำให้ความต้องการใช้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และเรื่องนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อประกาศงบไตรมาส 2 เดี๊ยนเลยเม้าท์ได้แค่ว่ากระแสความเชื่อมาแล้ว แต่พื้นฐานจะมาตามนัดไหม ? เดี๋ยวก็รู้พะย่ะค่ะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องชำเลืองมองหุ้น ECF อีกรอบ หลังราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.52 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่าสตอรี่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้ามินบูน่าจะเพิ่มแวลูให้กับบริษัทเยอะ และน่าจะมีผลทำให้กำไรไตรมาส 2 แจ่มขึ้นอย่าบอกใครเชียว! บรรดาแมงลือเลยเชื่อว่าทุกอย่างกำลังฟื้นคืนสภาพที่ควรจะเป็นไงล่ะคะ