3 วัน ธปท.กดดัชนี 41 จุด

วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50%


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50%

เรื่องนี้ถือว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้

เพราะ กนง.เพิ่งจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อครั้งล่าสุดวันที่ 24 พ.ค. 63

ในปีนี้ กนง.จะเหลือการประชุมอีก 4 ครั้ง

เริ่มจากวันที่ 5 ส.ค. 63,  23 ก.ย. 63,  18 พ.ย. 63 และ 25 ธ.ค. 63

บรรดานักวิเคราะห์ และศูนย์วิจัยของสถาบันการเงินต่างคาดการณ์ไว้ค่อนข้างตรงกัน

กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 1 ครั้ง หรือ 0.25% (คงเหลือ 0.25%) อย่างแน่นอน ก่อนสิ้นปีนี้

ส่วนจะปรับลงในการประชุมวันไหน

งานนี้ต้องไปลุ้นกันต่อ

มีประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากการประชุม กนง.เมื่อวานนี้

คือ มีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีปีนี้ลงจากเดิม -5.3% เป็น -8.1%

แน่นอนว่า การประเมินตัวเลขที่ว่านี้ เป็นการคาดที่ต่ำมาก ๆ

และต่ำกว่าทุกสำนักวิจัยด้านเศรษฐกิจทั้งฝั่งรัฐบาล และเอกชน

ไม่แน่ใจว่า แบงก์ชาติเองนั้น ประเมินจีดีพีไว้ต่ำเกินไปหรือไม่ (ที่ผ่านมามักจะเป็นแบบนี้)

จนสร้างความ “ตื่นตระหนก” (อีกครั้ง) ให้กับนักลงทุน

ตลาดหุ้นเปิดมาภาคบ่าย ดัชนีร่วงลงไปเกือบจะทันที

หุ้นขนาดใหญ่หลายกลุ่มต่างถูกเทขายออกมา

แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเป็นบางช่วง

โดยเฉพาะการไล่ซื้อหุ้นแบงก์ (ขนาดใหญ่) กลับเข้าพอร์ต เพราะมองว่าได้รับประโยชน์จากแบงก์ชาติคงดอกเบี้ยนโยบาย

แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดัชนีกลับมาได้

การลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้

ทำให้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

การขยับของแบงก์ชาติ มีส่วนต่อการกดดัชนีตลาดหุ้นไทยลงมา 41-42 จุด

วันจันทร์ 22 มิ.ย. การร่วงลงของหุ้นกลุ่มแบงก์จากเรื่อง ถูกสั่งงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ดัชนีวูบลงมาถึง 18.64 จุด

และเมื่อวานนี้ดัชนีลงมาอีก 23.00 จุด จากพิษปรับลดจีดีพี

จะว่าไปแล้ว

หากวานนี้แบงก์ชาติปรับลดคาดจีดีพี การส่งออก และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ลง

พร้อมกับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% (แบบไม่ต้องรอการประชุมที่เหลือนั้น)

ตลาดหุ้น ก็อาจจะยังพอมีข่าวดีที่เป็น Positive surprise ได้บ้าง

แต่แบงก์ชาติก็คือแบงก์ชาติ

เป็นแบงก์ชาติที่มีความเป็นตัวตน (เอง) สูงมาก

ประเด็นเรื่องดอกเบี้ยนโยบายนั้น แม้สำนักวิจัยของสถาบันการเงินจะค่อนข้างฟันธงว่าต้องลดอีกแน่นอน

แต่ก็มีบางสำนักฯ ที่มองว่า ไม่น่าจะปรับลดแล้วล่ะ

เช่น ล่าสุด ค่ายกสิกรไทย มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้  0.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้

เหตุผล คือ 1.ข้อจำกัดด้านเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ทำให้อัตรานำส่งเงินเข้ากองทุน FIDF ต่ำสุดที่เป็นไปได้อยู่ที่ 0.20% จึงจำกัดการลดดอกเบี้ย

2.อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันใกล้ศูนย์และต่ำที่สุดในเอเชีย

และนั่นทำให้ขีดความสามารถนโยบายการเงิน (Policy space) จำกัด

3.ความเปราะบางในตลาดการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยต่ำยาวนาน

และ 4.ยังมีมาตรการภาครัฐวงเงิน 1 ล้านล้านบาทที่จะช่วยพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงอาจยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

แต่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการระบาดของไวรัสรอบที่ 2 ในไทย อาจมีผลต่อการตัดสินนโยบายการเงิน

ทุกครั้งการขยับ (หรือไม่ยอมขยับ) ของแบงก์ชาติ

มักจะมีผลต่อตลาดหุ้นเสมอ

และส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางลบเสียด้วยสิ

Back to top button