1,300 จุด ดึงได้แค่ไหน
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ดัชนีจะยืนเหนือระดับ 1,300 จุดไปได้อีกนานแค่ไหน
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ดัชนีจะยืนเหนือระดับ 1,300 จุดไปได้อีกนานแค่ไหน
ในเชิงสัญญาณทางเทคนิค
แนวรับอยู่บริเวณ 1,310 จุด และมีระดับจิตวิทยาอยู่ที่ 1,300 จุดพอดี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีลงไปต่ำสุด 1,306 จุด แต่ไม่หลุด 1,300 จุด จากแรงซื้อกลับของกองทุนต่าง ๆ
อย่างที่นักลงทุนทราบกันดี
หรือกล่าวเป็นเชิงเปรียบเทียบแบบประชดประชันว่า “กองทุน” ก็คือ “เจ้ามือ” ตลาดหุ้นนั่นเอง สามารถกำหนดทิศทางตลาด หรือสั่งให้ซ้ายหัน ขวาหันได้
นั่นเพราะพวกเพียงแค่ “ขาย” หรือ “ซื้อ” หุ้นในพอร์ตตนเอง ที่ส่วนใหญ่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ และอยู่ใน SET50
ตลาดหุ้นก็จะเกิดการเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่กองทุนประเมินไว้ล่วงหน้าแล้ว
ผมถามกับนักวิเคราะห์ (หลังไมค์) ว่าดัชนีจะหลุด 1,300 จุดไหม
หากเขาตอบแบบหน้าไมค์ ก็จะพูดเป็นเชิงเทคนิค ยกปัจจัยบวก ลบ เข้ามาสนับสนุน ฯลฯ
แต่เมื่อตอบแบบหลังไมค์ Off record ก็จะได้คำตอบว่า “ขึ้นอยู่กับพี่กอง” หรือ “กองทุน” นั่นแหละ
ย้อนกลับมาที่พื้นฐานของตลาดหุ้นกันบ้าง
ตลาดหุ้นทั่วโลกที่วิ่งขึ้นมาก่อนหน้านี้ และเลยมาจนถึงวันนี้ (แต่สวนกับพื้นฐานโดยรวมของตลาดหุ้น)
ปัจจัยหนุนมาจากเม็ดเงินที่ถูกอัดฉีดออกมาผ่าน QE
คือเงินมันจะต้องมีที่ไป
เมื่อมองดูตลาดเงิน พบว่า ผลตอบแทนต่ำมาก ยิ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับเงินเฟ้อ อาจจะขาดทุนได้
โดยเฉพาะการฝากเงินในระบบธนาคาร
ส่วนผลตอบแทบของตราสารหนี้ (ภาครัฐ) ก็ต่ำมากๆ จากภาวะดอกเบี้ยที่เป็นขาลง
ตราสารหนี้เอกชน หรือ “หุ้นกู้” แทบไม่ต้องพูดถึงกันล่ะ
เพราะแม้ผลตอบแทนจะสูงกว่าเงินฝาก แต่คนต่างกลัวเรื่อง “ความเสี่ยง” จากผิดนัดจ่ายดอกเบี้ย และชำระเงินต้น
ยกเว้นจะเป็นหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือจริง ๆ เท่านั้น
และต้องมีเครดิตเรตติ้งในระดับ Invesment grade หรือเป็นระดับที่สามารถลงทุนได้ (แต่ตอนนี้อาจจะต้องมีเรตติ้งสูงมากกว่าปกติซักหน่อย)
ทว่าหุ้นกู้เหล่านี้คนก็จะแย่งกันซื้อ และส่วนใหญ่จะเสร็จบริษัทประกันที่ถือเป็นผู้เล่น ผู้ลงทุนใหญ่สุดในตลาดตราสารหนี้
นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อกันทีเป็นหลักพันล้านต่อครั้ง
ดังนั้น เงินที่ถูกอัดฉีดออกมา
รวมถึงเงินที่เคยอยู่ในระบบตลาดเงิน จะถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหุ้น
ส่วนหุ้นที่เป็นเป้าหมาย คือ ราคายังแลกการ์ดตลาด
และธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีอยู่
แต่หุ้นเหล่านี้เมื่อราคาปรับขึ้นมา ก็อาจถูกขายทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้เช่นกัน
ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเหมือนกับวนอยู่ในอ่าง
แกว่งในกรอบแคบ
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้
เป็นการประลองเชิงระหว่าง “ต่างชาติ” กับ “กองทุน”
หากต่างชาติขาย แต่กองทุน และรายย่อยไม่ซื้อ ก็ไม่รู้จะไปขายใคร
ทำให้ยอดขายสุทธิวานนี้ของต่างชาติลงมาเหลือเพียง 657 ล้านบาท ส่วนกองทุน กับพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิเล็กน้อย ดัชนีปิดตลาดจึงลดลงเพียง 0.58 จุด มาที่ 1,329.76 จุด
ส่วนมูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก 48,903 ล้านบาท
อาจมีคำถามว่า วานนี้กองทุนทำวินโดว์ เดรสซิ่งหรือเปล่า
คำตอบคือ ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่หากดูจากนักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะหุ้นตัวใหญ่ ๆ ที่เป็นเป้าหมาย ราคาต่างปิดบวก
ภาวะตลาดน่าจะยังคงไซด์เวย์แบบนี้ไปอีกพักใหญ่
แต่หากหลุด 1,300 จุดเมื่อไหร่
1,300 จุดที่ว่านี้ จะพลิกกลับมาเป็นแนวต้านทันที